เลขาธิการ ป.ป.ส. ปิดการประชุมเชิงปฏิบัติการจัดทำร่างแผนปฏิบัติการภายใต้นโยบายและแผนระดับชาติว่าด้วยการป้องกัน ปราบปราม และแก้ไขปัญหายาเสพติด ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2568
เมื่อวันอังคารที่ 27 สิงหาคม 2567 พล.ต.ท.ภาณุรัตน์ หลักบุญ เลขาธิการ ป.ป.ส. เป็นประธานปิดการประชุมพร้อมให้ข้อแนะนำในการจัดทำร่างแผนปฏิบัติการภายใต้นโยบายและแผนระดับชาติว่าด้วยการป้องกัน ปราบปราม และแก้ไขปัญหายาเสพติด ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 โดยมีหน่วยงานตามแผนงานบูรณาการป้องกัน ปราบปราม และแก้ไขปัญหายาเสพติด ทั้ง 8 กระทรวง 26 หน่วยงาน 2 ส่วนราชการไม่สังกัด เข้าร่วมการประชุม ระหว่างวันที่ 26 – 27 สิงหาคม 2567 ณ โรงแรมรามาการ์เดนส์ กรุงเทพมหานคร
การจัดทำแผนปฏิบัติการนี้ มีวัตถุประสงค์หลัก เพื่อระดมความคิดเห็นของหน่วยงานบูรณาการในการจัดทำแผนปฏิบัติการภายใต้นโยบายและแผนระดับชาติว่าด้วยการป้องกัน ปราบปราม และแก้ไขปัญหายาเสพติด ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 เพื่อกำหนดเป้าหมาย แนวทางในการแก้ไขปัญหา แผนงาน โครงการและงบประมาณ ก่อนที่จะมีการประชุมเพื่อจัดทำแผนปฏิบัติการ ระดับจังหวัด ทั่วประเทศ เพื่อให้เกิดความเชื่อมโยง สอดประสานการทำงานร่วมกับระหว่างหน่วยงานส่วนกลางและจังหวัด
พล.ต.ท.ภาณุรัตน์ หลักบุญ เลขาธิการ ป.ป.ส. กล่าวว่า การแก้ไขปัญหายาเสพติดเป็นเรื่องที่รัฐบาลให้ความสำคัญและยกให้เป็นวาระแห่งชาติ ที่ทุกหน่วยงานจะต้องเข้ามาร่วมกันแก้ไขปัญหา ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน และท้องถิ่น ซึ่งในปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 งบประมาณตามแผนงานบูรณาการป้องกัน ปราบปราม และแก้ไขปัญหายาเสพติดในภาพรวม ได้รับงบประมาณเพิ่มขึ้นจากปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 ร้อยละ 19.58 แสดงให้เห็นว่าฝ่ายนโยบายให้ความสำคัญของการแก้ไขปัญหายาเสพติด และมุ่งหวังที่จะทำให้ปัญหายาเสพติดลดลงไปจากสังคมไทย
พล.ต.ท.ภาณุรัตน์ หลักบุญ เลขาธิการ ป.ป.ส. กล่าวต่อว่า การแก้ไขปัญหายาเสพติดจะต้องมีการทำงานอย่างเร่งด่วน จะทำแบบเดิมไม่ได้ แต่ละพื้นที่ที่มีบริบทแตกต่างกัน ปัจจัยความสำเร็จของการทำงานอย่างแท้จริง ต้องยึดการทำงานในเชิงพื้นที่ (Area Approach) ซึ่งผู้ว่าราชการจังหวัดจะต้องเป็นผู้นำ จะต้องมีความเข้าใจในสถานการณ์ของแต่ละจังหวัดอย่างแท้จริง และกำหนดเป้าหมายในการทำงานตามสภาพความเป็นจริงของแต่ละพื้นที่ เพื่อให้แก้ไขปัญหาได้อย่างตรงจุด
พล.ต.ท.ภาณุรัตน์ หลักบุญ เลขาธิการ ป.ป.ส. กล่าวปิดท้ายว่า แผนปฏิบัติการ ในปี 2568 นี้ จะมีการขยายพื้นที่การทำงาน จาก 25 จังหวัด ให้ครอบคลุมทั้ง 76 จังหวัดและกรุงเทพมหานคร โดยให้นำบทเรียน ซึ่งประสบผลสำเร็จจากปฏิบัติการเร่งรัดการดำเนินงาน ป้องกัน ปราบปราม และแก้ไขปัญหายาเสพติด ระยะเร่งด่วน 3 เดือน (1 มิถุนายน – 31 สิงหาคม 2567) ที่ผ่านมา มาใช้เป็นต้นแบบในการกำหนดมาตรการและแนวทางในการทำงาน
