นนทบุรี คืบหน้า ทนายความโจ๋รับน้องโหด เปิดคลิปเสียง อ้างรองผกก.บางศรีเมือง เรียกรับผลประโยชน์ จ่ายเงินแล้วจบคดี จากกรณีวันที่ 15 ส.ค.67 เวลา 17.00 น. ที่ผ่านมานายโต้ง อายุ 54 ปี และ น.ส.ก้อย อายุ 39 ปี พ่อและแม่ของ “น้อง ไตเติ้ล” อายุ 20 ปี นักศึกษาชั้นปีที่ 1 คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยชื่อดังย่านจังหวัดนนทบุรี เดินทางเข้าแจ้งความกับพนักงานสอบสวนสภ.เมืองนนทบุรีเพื่อให้ดำเนินคดีกับกลุ่มนักศึกษารุ่นพี่ที่รับน้องโหด รุมกระทืบลูกชาย หลังจากลูกชายไปขอลาออกจากการเข้าระบบการรับน้อง จนได้รับบาดเจ็บ รักษาตัวอยู่ห้องไอซียู รพ.กรมชลประทาน ขณะที่นายโต้งคุณพ่อเองก็ถูกกลุ่มนักศึกษา เหตุเกิดในมหาวิทยาลัยชื่อดัง ต่อหน้ารองอธิการบดี แต่กลุ่มผู้ก่อเหตุก็ไม่เกรงกลัวกระทืบนายโต้งกับลูกชายก่อนหลบหนีออกจากมหาวิทยาลัยหลังก่อเหตุ ความคืบหน้าล่าสุด เมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 20 ส.ค.67 นายมงคล หรือบอล อายุ 21 ปี นายรัตนสรร หรือซอ อายุ 19 ปี นายสิทธิพงศ์ หรือเพชร อายุ 22 ปี นายภูชิต หรือโอม อายุ 23 ปี พร้อมด้วยนายณธัชพงศ์ บุญเกิด หรือทนายกบ ได้เดินทางพาผู้ก่อเหตุทั้ง 4 ราย มามอบตัวกับพนักงานสอบสวน เพื่อรับทราบข้อกล่าวหา ร่วมกันทำร้ายร่างกายผู้อื่น โดยมีการสอบปากคำประมาณ 1 ชม. ก่อนตำรวจแจ้งข้อกล่าวหา ร่วมกันทำร้ายร่างกายผู้อื่น ก่อนนำตัวผู้ต้องหาทั้ง 4 ราย พิมพ์ลายนิ้วมือ ก่อนตำรวจอนุญาตปล่อยตัวชั่วคราว ตามสิทธิของผู้ถูกกล่าวหา เพราะแสดงความบริสุทธิ์ใจขอมอบตัว และไม่มีพฤติการหลบหนี โดยจะมีการนัดมาเข้าพบพนักงานสอบสวนอีกครั้งในวันที่ 2 ก.ค.67 นี้ ทนายกบ กล่าวว่า วันนี้ตนได้พาน้องผู้ก่อเหตุทั้งสี่ราย เข้าพบพนักงานสอบสวนเพื่อรับทราบข้อกล่าวหา โดยทุกคน ก็ได้แสดงความบริสุทธิ์ใจและรับสารภาพว่าเป็นคนก่อเหตุจริง มีทั้งหมดสี่คนเท่านั้น ส่วนสื่อโซเชียลที่ได้ออกไป ว่ารุมกระทืบ 20 คนไม่เป็นความจริง เรื่องนี้ตนได้สอบถาม ข้อเท็จจริงกับน้องฝั่งผู้ก่อเหตุได้ให้ข้อมูลว่า สาเหตุที่ไปทำร้ายร่างกายนั้นที่แท้จริงแล้วเกิดจากการยั่วยุยั่วโมโห ท้าทายโดยมีการนำรูปถ่ายลงสตอรี่สวมรองเท้าแดง พร้อมพิมพ์ข้อความยั่วยุพร้อมมีเรื่อง ซึ่ง ในเรื่องนี้ทางมหาลัยได้มีกฎ และคอยสั่งห้ามเด็กนักเรียนในมหาลัยอย่างเคร่งครัดในการสวมใส่รองเท้าโดยห้ามใส่รองเท้าสีแดงและสีน้ำเงินน้ำ เพื่อป้องกันการมีปัญหากัน พร้อมทั้งน้องไอเติ้ล และคุณพ่อโทรมาท้าทายหากลุ่มน้องที่ก่อเหตุหลายสายทั้งวัน ส่วนประเด็นเรื่องรับน้องตนได้ทราบมาว่าการรับน้องนั้นมีมาตั้งนานแล้ว เป็นประเพณีที่ทำมาหลายรุ่นมาแล้ว ซึ่งจะเป็นลักษณะของสังคมเด็กช่าง ข้อดีก็จะมีในเรื่องของรุ่นพี่มีการดูและน้องให้เงิรกินข้าว หากน้องมาจากต่างจังหวัดก็จะให้ที่พักอยู่อาศัย รวมถึงให้เสื้อผ้าเสื้อช็อปเรียน ซึ่งก็เป็นเรื่องที่ดี ซึ่งประเด็นเรื่องรับน้องทางด้านคุณแม่น้องได้รับทราบทุกอย่างแล้วโดยมีคลิปเสียงที่น้องๆบันทึกเอาไว้ในส่วนนี้ตนก็ได้ฟังแล้ว โดยน้องได้อธิบายข้อดี ข้อเสียของการรับน้องให้คุณแม่ฟังหมดโดยคุณแม่น้องเติ้ลก็ขอบคุณพวกตนอีกด้วยที่คอยช่วยเหลือ แต่คงเป็นการเข้าใจผิดเนื่องจากพ่อ และแม่ของน้องเติ้ลไม่ได้อยู่ด้วยกัน คาดว่าทางพ่อนั้นไม่ได้รู้ข้อมูลถึงการรับน้องจึงได้มาโทรท้าทายกับน้องนักศึกษา ทั้งนี้ยังมีประเด็นที่ทางแฟนของน้องเพชร ที่ตำรวจสภ.บางศรีเมืองได้เข้าตรวจค้นห้อง มีสื่อนำเสนอข่าวไปเอาภาพน้องไปลงทำให้เขาได้รับความเสียหาย ทำให้จนต้องถูกไล่ออกจากงาน เหมือนเป็นผู้กระทำความผิด และตนยังมีคลิปเสียงของเจ้าหน้าที่ตำรวจสภ.บางศรีเมือง อ้างตัวว่าเป็นรองผกก.สุรศักดิ์ ได้โทรมาเรียกรับผลประโยชน์ บอกแก้ข่าวให้ โดยจะให้แฟนของน้องเพชรจ่ายเงินแล้วเรื่องจะจบ ในส่วนนี้ตนก็จะรวบรวมพยานหลักฐานดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป














