“อนันต์ชัย แจ้งเอาผิดหลวงปู่พุทธสาวก บิดเบือนคำสอนในพระไตรปิฎก ชี้บ่อนทำลายพระพุทธศาสนาอย่างร้ายแรง “
วันที่ 20 ส.ค.ที่ศูนย์รับแจ้งความกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ทนายอนันต์ชัย ไชยเดช ประธานมูลนิธิทนายกองทัพธรรม นายประยุทธ ประเทศเสนา หรือมหาหมี รองประธานมูลนิธิฯ น.ส.ชลิดา พะละมาตย์ หรือต้นอ้อ เป็นหนึ่ง เดินทางเข้าพบพ.ต.ท.ชนสิทธิ์ ชุมดี สว.(สอบสวน ) กก.2.บก.ปอท.เพื่อแจ้งความดำเนินคดีกับหลวงปู่พุทธสาวก สำนักพุทธธรรม ที่บรรยายธรรม
บิดเบือนคำสอนพระไตรปิฎก ความผิดตาม พรบ.คอมพิวเตอร์, และแต่งกายเลียนแบบสงฆ์
ทนายอนันต์ชัย กล่าวว่า ตนได้อันเชิญโอวาทของสมเด็จพระสังฆราชฯ ปี 2567 มาชี้แจงให้ฟังว่า สังคมไทยอยู่ในภาวะน่าเป็นห่วง เพราะมีผู้แสดงตนเป็นผู้รู้ทางพระไตรปิฎก ซึ่งเป็นการพูดเอง คิดเอง ซึ่งไม่สอดคล้องกับพระไตรปิฎก นับเป็นบ่อนทำลายพระพุทธศาสนาอย่างร้ายแรง โดยผู้รู้ต้องชี้แจงและให้ข้อมูลอย่างถูกต้อง และหน่วยงานรัฐก็ต้องแก้ไขอย่างเร่งด่วน โดยต้องปกป้องพระพุทธศาสนา ผู้ที่หยิบยกหลักธรรมไปใช้ จะต้องอยู่ในกรอบของพระไตรปิฎก
ปัญหาทุกวันนี้ถือว่าหนักหนามากกว่าทุกยุคทุกสมัย การบิดเบือนคำสอนในพระไตรปิฎก ทำให้เกิดความเสียหาย ดังนั้นจะต้องมีการแจ้งความดำเนินคดีในทุกกรณี
ทนายอนันต์ชัย กล่าวต่อว่า พร้อมกันนี้พวกตนจะเข้าติดตามความคืบหน้าคดีที่เคยแจ้งความต่อกลุ่มลัทธิเชื่อมจิต 8 คน ในความผิดตามพ.ร.บ. คอมพิวเตอร์, พ.ร.บ.คุ้มครองเด็ก และข้อหาฉ้อโกงประชาชน
ซึ่งมติของมหาเถรสมาคมออกระเบียบการส่งเสริมสำนักปฏิบัติธรรมแห่งคณะสงฆ์ 2567 โดยแจ้งให้คณะสงฆ์ทั่วประเทศปฏิบัติตาม การที่นำเด็ก 8 ขวบมาขึ้นโฆษณาเผยแพร่คำสั่งสอนของพระไตรปิฎกแบบบิดเบือน ถือว่าเป็นเรื่องไม่เหมาะสม โดยทราบว่าวันที่ 11 กันยายน นี้ พนักงานสอบสวน บก.ปคบ.ได้ออกหมายเรียกกลุ่มผู้ต้องหาทั้ง 8 คน ให้มารับทราบข้อกล่าวหา ซึ่งพวกตนก็จะมาติดตาม และขอทำเรื่องคัดค้านการประกันตัวผู้ต้องหาทั้งหมดอีกด้วย
“ผมขอตั้งข้อสังเกตว่า การที่ลัทธิดังกล่าวยังสามารถเคลื่อนไหวอยู่ได้ ก็เพราะยังมีผู้บงการที่อยู่เบื้องหลัง ดังนั้นจากนี้ไปผมจะกระชากหน้ากากบุคคลผู้นี้ออกมาให้ได้” ทนายอนันต์ชัย กล่าว