นนทบุรี วงจรปิด ร้องสื่อ น้องชายถูกแท็กซี่เฉี่ยวจยย.ล้มเจ็บสาหัสไหปลาร้าแตก แต่ตร.แจ้งว่าล้มเอง
จากกรณีผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่งโพสต์ภาพกล้องวงจรปิดตามหารถแท็กซี่สีเหลือง หลังได้เฉี่ยวชนรถจยย.ได้รับบาดเจ็บ แล้วหลบหนี โดยโพสต์ระบุข้อความว่า “ ใครมีกล้องหน้ารถ ส่งมาไห้ผมได้นะคับ เหตุเกิดหน้าหมู่บ้านเศรษฐศีริ/ศูนย์รถ S car ถนน ชัยพฤกษ์ ต.บางพลับ อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี มุ่งหน้าพระราม4/ปากเกร็ด แจ้งวัฒนะ คู่กรณีเป็นแท๊กซี่ สีเหลืองไม่ทราบเเผ่นป้ายทะเบียน ชนแล้วหนี ตอนนี้คนเจ็บยังต้องใช้เครื่องช่วยหายใจเหตุเกิดช่วงเวลา 7 โมงเช้า ถึง 9โมง วันที่ 24 กรกฎาคม2567 ใครมีคลิปกล้องหน้ารถส่งมาได้คับ เพื่อใช้ตามหาผู้กระทำผิด มารับโทษคับ “
ล่าสุดวันนี้ 8 ส.ค.67
ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่ไปยังที่เกิดเหตุ บริเวณ ถ.ชัยพฤกษ์ ทางเข้าหมู่บ้านเศษฐศิริ มุ่งหน้า สะพานพระราม4 ต.บางพลับ อ.ปากเกร็ด จ. นนทบุรี เข้าพบนายอนุชา ลาวัง อายุ 56 ปี
ซึ่งเป็นพี่ชายของนายสมเกียรติ ลาวัง อายุ 51 ปี ผู้บาดเจ็บ นักวิชาการโสตทัศนศึกษา สถาบันพัฒนาบุคลากรกระทรวงยุติธรรม เจ้าของรถจยย. ยี่ห้อ ยามาฮ้า ฟีลาโน่ ทะเบียน 4ขอ 6035 กทม. ได้นำหลักฐานกล้องวงจรปิดที่ไปตามหาเองมอบให้กับผู้สื่อข่าวเพื่อร้องขอความเป็นธรรมหลังจากพนักงานสอบสวนสภ.ชัยพฤกษ์ ได้ลงบันทึกประจำวันไว้ว่านายสมเกียรติชาย ได้ขับรถจยย.ล้มเอง
กล้องวงจรปิดบริเวณจุดเกิดเหตุสามารถบันทึกภาพเหตุการณ์วันที่ 24 ก.ค.67 เวลาประมาณ 07.30 น. ขณะนายสมเกียรติ ได้ขี่รถจยย.มาตามทาง ปรากฏว่าได้มีรถแท็กซี่สีเหลืองไม่ทราบเลขทะเบียนได้พยายามขับแซงรถกระบะสีเงินขึ้นมา จากนั้นได้เฉี่ยวชนกับทางด้านรถจยย.ของนายสมเกียรติที่อยู่เลนขวาจนล้มได้รับบาดเจ็บนอนกองอยู่กับพื้นถนน
นายอนุชา กล่าวว่า เมื่อวันที่ 24 ก.ค 67 ช่วงเช้าเวลาประมาณ 07.30 น. ตนได้รับแจ้งจากคนที่ทำงานของน้องที่อยู่ในกระทรวงยุติธรรมว่าน้องชายประสบอุบัติเหตุรถชน ขณะขับรถจยย.กำลังไปทำงาน โดยเหตุเกิดบริเวณทางเข้าหมู่บ้านเศษฐศิริ หลังจากตนทราบเรื่องน้องตนก็อยู่ห้องฉุกเฉินของโรงพยาบาลแล้ว หลังจากเกิดเหตุตนก็ได้เดินทางไปที่โรงพักเพื่อติดตามคดี ปรากฏว่าทางพนักงานสอบสวนได้ลงประจำวันว่าน้องชายตนขับจยย.ล้มเอง จากที่ดูบาดแผลของน้อง ซึ่งได้รับบาดเจ็บไหปลาร้าหัก ต้องเจาะคอใช้เครื่องช่วยหายใจ อยู่ในห้องฉุกเฉิน ตนจึงเดินทางไปทึ่จุดเกิดเหตุแล้วก็ขอดูกล้องวงจรปิด ปรากฎว่าเท่าที่ดูกล้องพบว่าน้องชายตนไม่ได้ล้มเอง ได้มีแท็กซี่ขับเฉี่ยวชน ซึ่งไม่ตรงกับบันทึกประจำวันที่ลงว่าน้องของตนขี่จยย.ล้มเอง หลังจากได้คลิปกล้องวงจรปิดมา จึงนำคลิปดังกล่างไปให้พนักงานสอบสวนดู ปรากฎว่าทางตำรวจได้ให้ข้อมูลกับตนว่าได้สอบพยานที่เกิดเหตุเป็นรถแท็กซี่สีชมพู ได้ให้การว่ารถจยย.ของน้องตนล้มเอง ซึ่งตนก็ยังรู้สึกงงๆ เพราะจากที่ดูกล้องวงจรปิดมีแต่แท็กซี่คันสีเหลือง ไม่มีสีชมพู และยืนยันคำเดิมว่าน้องตนล้มเองไม่มีคู่กรณี และได้บอกกับตนว่าให้นำรถจยย.ของน้องตนกลับบ้าน
อาการของน้องชายตอนนี้ได้นอนอยู่ห้องไอซียูเป็นเวลา 12 วันแล้ว และได้เปลี่ยนจากการใส่ท่อที่ปากเปลี่ยนมาเป็นการเจาะคอแทน มีกระดูกที่หักตรงไหปลาร้า ตอนนี้ได้ออกจากห้องไอซียูแล้ว แต่ก็ยังนอนโรงพยาบาลอยู่คาดว่าใช้เวลารักษาอีกหลายวัน ตอนนี้ตนรู้สึกเสียใจและไม่ทันตั้งตัว ตนอยากฝากบอกถึงแท็กซี่คันดังกล่าว ‘’อย่างน้อยถ้าคุณลงมาช่วยลงมาประสานงานเรียกรถพยาบาล ผมจะรู้สึกดีกว่านี้แต่คุณกลับนั่งดูอยู่ในรถเฉยๆ ถ้าสังคมไทยเป็นอย่างนี้กันหมดก็คงไม่น่าอยู่ การที่คุณนั่งดูเฉยๆมันไม่ช่วยให้เกิดประโยชน์อะไรเลย‘’ ตนจึงนำเรื่องมาขอความเป็นธรรมกับนักข่าวให้สื่อนำเสนอ และวอนตำรวจช่วยมาดูแลข้อเท็จจริงเรื่องนี้ด้วย ตนมั่นใจว่าน้องตนไม่ได้ล้มเอง ตำรวจควรเรียกคู่กรณีมาพูดคุย ไม่ใช่ปล่อยไปแบบนี้
ป้าดำ อายุ 60 ปี แม่ค้าไก่ย่าง อยู่ในที่เกิดเหตุ เปิดเผยว่า ตอนเกิดเหตุตนไม่เห็นเหตุการณ์มาทราบอีกทีก็เจอคนเจ็บลงไปนอนกองกับพื้นแล้ว แต่เห็นทางด้านรถขนเหล็กที่เห็นเหตุการณ์ขับมาจอดบริเวณจุดเกิดเหตุแล้วลงไปดูคนเจ็บ ตนได้ยินคนที่ไปดูคนเจ็บหลายคนพูดว่า รถจยย.ชนกับแท็กซึ่ จากนั้นรถของกู้ภัยก็นำตัวคนเจ็บส่งรพ. ส่วนรถแท็กซี่คนก็เห็นหลังจากเกิดอุบัติเหตุ แท็กซี่คันสีเหลืองก็ได้จอดอยู่ข้างทางแต่ตนก็ไม่ทราบว่าขับออกจากที่เกิดเหตุตอนไหนยังไง
ต่อมาผู้สื่อข่าวได้ติดต่อสอบถามด้านคดีกับทางพ.ต.อ.สมชาย ชูแก้ว ผกก.สภ.ชัยพฤกษ์ ได้ให้ข้อมูลกับสื่อมวลชนว่า ขณะนี้ทางด้านพนักงานสอบสวนทราบเรื่องแล้ว ตอนนี้อยู่ระหว่างตรวจสอบ ให้ฝ่ายสืบสวนไล่กล้องวงจรปิดจุดเกิดเหตุเพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงต่อไป


