นนทบุรี ต่อข่าว วงจรปิด เปิดอีกวีรกรรมป้าจิ้งสุดป่วน เขวี้ยงกระป๋องใส่ร้านขนมเปี๊ยะ ก่อนเกิดเหตุชุลมุน
จากกรณีวานนี้ที่ผ่านมา วันที่ 4 ส.ค. 67 ที่ผ่านมา ผู้สื่อข่าวได้รับการร้องเรียนจากพ่อค้าแม่ค้าในตลาดเก่าแก่ 100 ปี ริมแม่น้ำเจ้าพระยา หัวถนนท่าน้ำปากเกร็ดหมู่ 2 ต.ปากเกร็ด อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี หลังถูกสาวใหญ่ ทราบชื่อคือป้าจิ้ง เจ้าของร้านขายเสื้อผ้าชุดนักเรียน อาละวาดอย่างหนัก ด่าทอชาวบ้าน ทุกๆวันจะจุดธูปกำใหญ่ไว้ในมือนับ 40-50 ดอก พร้อมกระดาษสวดมนต์ท่องคาถา เดินไปเดินมาชาวบ้านหวั่นเกรงก้านธูปจะไปจี้ถูกเสื้อผ้าจำนวนมาก ที่อยู่ในร้านจนเกิดเหตุสลดเพลิงไหม้ตลาด 100 ปี เก่าแก่แห่งนี้ได้
คืบหน้าล่าสุด วันที่ 5 ส.ค. 67
ทีมข่าวได้ลงพื้นที่จุดเกิดเหตุ เปิดภาพวงจรปิดวินาทีป้าจิ้งเขวี้ยงกระป๋องใส่คนงานร้านขนมเปี้ยะ
เปิดวงจรปิดที่ 1 (1.57 นาที) พบเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 24 ก.ค. ที่ผ่านมา เป็นปัญหาระหว่างเพื่อนบ้านหลังหนึ่งกับชาวบ้านในพื้นที่ ในมุมนี้จะเห็นว่าป้าจิ้ง ผู้ก่อเหตุ ที่คาดว่ามีอาการป่วยทางจิตเวช สวมเสื้อสีโอรส ยืนถือไม้เท้าอยู่บริเวณหน้าบ้าน ลักษณะคล้ายโวยวายยืนด่าใครบางคน จากนั้นก็มีพนักงานร้านขนมเปี๊ยะ ที่ถือขนมเปี๊ยะมาจากโรงอบ เดินผ่านบ้านผู้ก่อเหตุ จากนั้นผู้ก่อเหตุได้เขวี้ยงกระป๋องน้ำใส่ พนักงานร้านขนมเปี้ยะก็โมโหปากระป๋องใส่ผู้ก่อเหตุ แล้วทั้งสองก็เข้าไปตีกัน จากนั้นก็มีลูกจ้างร้านขนมเปี๊ยะ เข้าไปรุมทำร้ายผู้ก่อเหตุและก็พยายามแย่งไม้เท้า ออกจากผู้ก่อเหตุ ซึ่งผู้ก่อเหตุก็ไม่ยอมต่อสู้กลับ และได้มีการกระชากกระบะขนมเปี๊ยะพังเสียหาย ซึ่งคนในร้านขนมเปี๊ยะบางส่วนก็พยายามห้ามตามแต่บางส่วน ก็ช่วยกันรุม
วงจรปิดที่ 2 (1.25 นาที) เมื่อวันที่ 2 ส.ค. ที่ผ่านมา จะสังเกตเห็นว่าป้าจิ้ง ผู้ก่อเหตุ สวมเสื้อสีฟ้า ถือไม้เท้า สวมใส่หน้ากากอนามัย กำลังยืนด่าใครบางคน โดยจะสังเกตว่าเวลาที่มีคนเดินผ่านไปผ่านมา ก็มักจะไปยุ่ง ไปจับ ไปบ่นด่าเขา คล้าย เป็นบุคคลไม่ปกติ จากนั้นก็เดินวนไปวนมาหน้าบ้าน
ล่าสุดทีมข่าวลงพื้นที่ไปยังจุดเกิดเหตุไปพูดคุยกับพนักงานร้านขนมเปี๊ยะที่อยู่ในที่เกิดเหตุ ในวันดังกล่าวชื่อน.ส.เต ดวงมณีวงษ์
หรือ ตัวเล็ก ลูกจ้างสัญชาติลาว ร้านขนมเปี๊ยะ บอกอยู่ที่นี่มา 10 ปี และเห็นว่าอาการป้าจิ้งเริ่มหนัก จนทำร้ายคนอื่นไปทั่ว และบอกกับทีมข่าวว่า ป้าจิ้ง ผู้ก่อเหตุคล้ายเป็นคนที่สติไม่ดี มักจะเอาน้ำมาสาดชาวบ้านที่เดินผ่านไปผ่านมา ล่าสุดได้จุดธูปเป็นกำเดินท่องคาถาไปมา ซึ่งน่ากลัวมาก เพราะบริเวณที่เกิดเหตุนี้เป็นตรอกซอกซอยเล็กๆ เป็นชุมชนที่ทำการค้าขาย ถ้าเกิดเพลิงไหม้ก็จะเสียหายไปทั้งหมด ล่าสุดที่มีปัญหากันอย่างรุนแรง เนื่องจากเวลาที่คนงานร้านขนมเปี๊ยะอบขนมเปี๊ยะเสร็จแล้วเดินผ่านหน้าบ้านของป้าจิ้ง ผู้ก่อเหตุ ป้าจิ้งก็มักจะสาดน้ำใส่ บางครั้งเราก็ต้องเดินเบี่ยงจากผู้ก่อเหตุ แต่ในวันที่เกิดเหตุเพื่อนของตนที่สวมเสื้อสีส้มเดินผ่านไปพอดี ถูกป้าจิ้งพยายามเอากระป๋องเขวี้ยงใส่กระบะขนมเปี๊ยะและจากนั้นยังได้นำกระป๋องเขวี้ยงใส่เพื่อนตน ในวันนั้นเพื่อนตนทนไม่ไหวเอากระป๋องเขวี้ยงกลับแล้วก็เข้าไปตบตีกับคู่กรณีซึ่งยืนรอถือไม้เท้าอยู่ จากนั้นพนักงานในร้านบางคนก็เข้าไปช่วยรุมซ้ำ แต่หลายคนก็พยายามเข้าไปห้าม ส่วนตนก็เข้าไปดึงไม้เท้าออกจากป้าจิ้ง เพราะกลัวว่าเขาจะเอาไม้เท้ามาฟาดใส่พวกตน วันนั้นก็โดนดึงจนเสื้อขาดเช่นกัน
โดยน.ส.เต ยังบอกอีกว่า ยิ่งกว่านั้นที่ตนเองเจอทุกวัน ผู้ก่อเหตุชอบบอกว่าบริหารเท้าอยู่ภายในพื้นที่บ้านของตัวเองซึ่งการบริหารเท้าของเขาก็คือการยื่นเท้าออกมานอกบ้าน เพื่อให้โดนพวกตนที่เอาขนมเปี๊ยะจากโรงอบมาไว้ที่หน้าร้าน ซึ่งน.ส.เต ก็ได้สาธิตให้ดูว่าบริหารเท้าของผู้ก่อเหตุทำอย่างไร จนทำให้พวกตนหมดความอดทน กับป้าจิ้งแล้ว
ด้านดร.ปรเมศร์ ชัยพัชรกุลพงษ์ หรือดร.แก้ว ผู้ทรงคุณวุฒิตำรวจภูธรภาค 1 ผู้ก่อตั้งเพจ ”ดร.แก้วช่วยได้“ ได้ลงพื้นที่ไปพูดคุย ปัญหาระหว่างป้าจิ้ง ผู้ก่อเหตุ และชาวบ้านในพื้นที่ ปรากฏว่าก็เกิดความขัดแย้งกันขึ้นเพราะชาวบ้านในพื้นที่ต่างไม่ยอมรับ แจ้งว่าป้าจิ้ง ผู้ก่อเหตุ ก่อปัญหามากจริงๆจนไม่สามารถรับได้ อยากให้มีการพาไปรักษาตัว ปรากฏว่าดร.แก้วก็ได้พาป้าจิ้งมาที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่ง เพื่อตรวจด้านสุขภาพจิต ป้าจิ้งก็ยอมเดินทางมา โดยหลังจากนี้ก็จะมีการให้แพทย์ทำการประเมินสภาพจิตใจป้าจิ้ง รวมถึงพิจารณาเรื่องที่พักอาศัยว่าควรพักอาศัยอยู่ที่เดิมหรือไม่ หรือจะทำอย่างไรให้อยู่ร่วมกันในชุมชนได้อย่างสันติสุขและปลอดภัย นอกจากนี้ดร.แก้ว ยังบอกอีกว่าจะนำกล้องวงจรปิดไปติดรอบบ้านของผู้ก่อเหตุ เนื่องจากชาวบ้านอ้างว่าผู้ก่อเหตุมีพฤติกรรมชอบทำร้ายก่อกวนผู้อื่นจะได้ทราบกันไปเลยว่าใครเป็นผู้ก่อเหตุก่อนกัน หลังจากนี้ถ้าใครก่อเหตุก่อนก็ให้ดำเนินคดีทางกฎหมายไปเลย

