ตำรวจน้ำมุกดาหาร ร่วม สรรพสามิต บุกจับบุหรี่เถื่อน คาศูนย์กระจายสินค้า จ.มุกดาหาร วันที่ 19 ก.ค.67 พ.ต.อ.พรศักดิ์ เลารุจิราลัย รอง ผบก.ป.รรท. ผบก.รน.,พ.ต.อ.ธรากร เลิศพรเจริญ รอง ผบก.รน.,พ.ต.อ.ราม รสหอม รอง ผบก.รน.พ.ต.อ.สาธร สุขส่ง ผบ.เรือ สบ 4 กรต.บก.รน./หน.ชป.สืบสวนหาข่าวที่ 5 บก.รน.,พ.ต.อ.อดิศักดิ์ มีศิลป์ ผกก.10 บก.รน.,พ.ต.ท.สัญญา พุ่มโพธิ์ทอง ต้นปืน(สบ.3)กรต.บก.รน./หน.ชป.สืบสวนหาข่าวที่ 6 บก.รน. พ.ต.ท.พงษ์พิพัฒน์ บูรณะบัญญัติ สว.ส.รน.3 กก.10 บก.รน.สนธิกำลัง เจ้าหน้าที่สรรพสามิตเข้าจับกุม นายภานุวัฒน์ อิ่มกมล อายุ 27 ปี ชาวจังหวัดพระนครศรีอยุธยา พร้อมของกลาง รถยนต์บรรทุกยี่ห้อ ISUZU สีขาว หมายเลขทะเบียน กจ1024 อ่างทอง, บุหรี่ต่างประหลายยี้ห้อจำนวน 6,000 ซอง น้ำหนัก 120,000 กรัม จับกุมได้ที่ศูนย์กระจายสินค้าขนส่งเคอรี่ ตำบลบางทรายใหญ่ อำเภอเมืองมุกดาหาร จังหวัดมุกดาหาร เจ้าหน้าที่สถานีตำรวจน้ำ3กองกำกับการ10กองบังคับการตำรวจน้ำ ด้รับแจ้งจากสายลับว่า จะมีการลักลอบขนส่งบุหรี่ต่างประเทศ โดยใช้รถบรรทุกยี่ห้อ ISUZU สีขาว หมายเลขทะเบียน กจ 1024 อ่างทอง ในพื้นที่อำเภอเมืองมุกดาหาร จึงนำกำลังลงพื้นที่เฝ้าสังเกตการณ์ จนกระทั่งพบ รถบรรทุกตามที่สายลับแจ้ง บรรทุกของมาเต็มท้ายรถพร้อมกับคลุมผ้าปกปิดอย่างมิดชิดขับเข้าไปยังศูนย์กระจายสินค้าขนส่งเคอรี่ ต.บางทรายใหญ่ อ.เมืองมุกดาหาร จ.มุกดาหาร เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมจึงแสดงตัวเข้าตรวจค้นพบ นายภานุวัฒน์ ผู้ต้องหารายนี้ แสดงตัวเป็นผู้ขับขี่ พร้อมนำตรวจค้นพบ ยาสูบต่างประเทศยี่ห้อ JN Green จำนวน 2,900 ซอง, ยาสูบต่างประเทศยี่ห้อ JN Red จำนวน 900 ซอง, ยาสูบต่างประเทศยี่ห้อ สีแดง จำนวน 500 ซอง, ยาสูบต่างประเทศยี่ห้อ เพ็ด สีน้ำเงิน จำนวน 800 ซอง, ยาสูบต่างประเทศยี่ห้อ BASTOS สีเขียว จำนวน 600 ซอง, ยาสูบต่างประเทศยี่ห้อ BASTOS สีฟ้า จำนวน 300 ซอง พร้อมขอตรวจสอบเอกสารการเสียภาษี แต่ นายภานุวัฒน์ กลับไม่มีเอกสารแสดงแต่อย่างใด จึงตรวจยึดไว้เป็นหลักฐาน สอบสวน นายภานุวัฒน์ ให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา โดยอ้างว่า ตนประกอบอาชีพขับรถขนส่งสิ้นค้าได้รับงานต่อจากกลุ่มขนส่งสิ้นค้าอีกทอดหนึ่ง ซึ่งไม่ทราบว่า สินค้าดังกล่าวเป็นบุหรี่หนีภาษีเนื่องจากมีการห่อหุ้มอย่างมิดชิด จนมาถูกจับกุม ทำแบบนี้มาประมาณ2-3 ครั้งแล้ว ก่อนควบคุมตัวส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีในข้อหา มีไว้ครอบครองซึ่งสินค้าที่มิได้เสียภาษี อันเป็นความผิด ตาม พ.ร.บ.ภาษีสรรพสามิต พ.ศ. 2560 มาตรา 203 (1)













