ตำรวจไซเบอร์ค้นบ้านหนุ่มโชว์ปืน อ้างมีใบ ป.4 สุดท้ายรับของปลอม
เมื่อวันที่ 8 ก.ค. พล.ต.ท.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผบช.สอท. สั่งการให้ พล.ต.ต.ภูมิพัฒน์ ภัทรศรีวงษ์ชัย ผบก.สอท.5 พ.ต.อ.บัญชา ศรีสุข รอง ผบก.สอท.5 พ.ต.อ.ธีระ เชื้อสุวรรณ ผกก.4 บก.สอท.5 พ.ต.ท.คมสัน สมอ่อน สว.กก.4 บก.สอท.5 พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.4 บก.สอท.5 นำหมายค้นศาลจังหวัดสงขลา ที่ 201/2567 ลง 6 ก.ค. 2567 เข้าค้นบ้านเลขที่ 13/3 ม.3 ต.นาทับ อ.จะนะ จ.สงขลา พร้อมจัมกุมตัวนายอรุณ อายุ 33 ปี พร้อมของกลางอาวุธปืน AK47 ไม่มีทะเบียน 1 กระบอก อาวุธปืนกลมือทอมสัน แบบ M3 ใช้กระสุน 11 ม.ม. ไม่มีทะเบียน 1 กระบอก อาวุธปืนพกสั้นกึงอัตโนมัติ ขนาด 11 ม.ม. มีร่องรอยลบเลขทะเบียน 1 กระบอก อาวุธปืนพกสั้นกึ่งอัตโนมัติ ขนาด 9 มม. 1 กระบอก อาวุธปืนพกสั้น ลูกซองหักลำไทยประดิษฐ์ ใช้กระสุน เบอร์12 ไม่มีทะเบียน 1 กระบอก กระสุนปืนรวม 500 นัด แม็กกาซีน 6 อันและใบ ป.4 ปลอม 2 ใบ
สืบเนื่องจากเจ้าหน้าที่ตํารวจ กก.4 บก.สอท.5 ได้ทำการสืบสวนตรวจสอบเฝ้าระวังภัยทางออนไลน์ พบหลักฐานที่เชื่อได้ว่านายอรุณ น่าจะมีอาวุธปืน กระสุนปืนผิดกฎหมายไว้ในครอบครอง และนำเอาไปซุกซ่อนภายในบ้านหลังดังกล่าว จึงได้รวบรวมข้อมูลพยานหลักฐาน ขออนุมัติหมายค้น เมื่อเจ้าหน้าที่ตํารวจเดินทางไปค้นบ้านหลังดังกล่าว พบนายอรุณ นั่งอยู่ภายในบ้าน เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงแสดงหมายค้นให้ดู และเข้าตรวจค้นภายในบ้านพบของกลางทั้งหมดอยู่ในห้องนอน และห้องเก็บของภายในบ้านหลังดังกล่าว
จากการสอบปากคำนายอรุณให้การว่า อาวุธปืนบางกระบอกเป็นปืนมีทะเบียนของพี่สาว ส่วนอาวุธปืน 11 มม. โคลท์ เป็นปืนของตนเองมีใบทะเบียน ป.4 ถูกต้อง แต่เมื่อตรวจสอบอย่างละเอียด นายอรุณ จำนนต่อหลักฐาน ก่อนจะกลับคำให้การใหม่ว่า ใบ ป.4 ที่นำมาแสดงเป็นของปลอม โดยซื้อมาในราคา 8,000 บาท และส่วนมากจะใช้แสดงเวลาเข้าสนามยิงปืนเท่านั้น อาวุธปืนที่เหลือทั้งหมดเป็นปืนเถื่อนที่ตนเองทยอยซื้อมาเก็บสะสมด้วยความชอบ และที่ผ่านมาไม่เคยได้รับอนุญาตให้มี ใช้อาวุธปืนกระสุนปืนจากนายทะเบียนแต่อย่างใด
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตํารวจแจ้งข้อหา มีอาวุธปืน กระสุนปืนที่ใช้ในการสงคราม และนายทะเบียนไม่สามารถออกใบอนุญาตได้ ไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต มีอาวุธปืน กระสุนปืน ไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต ปลอมเอกสารราชการ ใช้เอกสารราชการปลอม จึงควบคุมตัวพร้อมของกลางนำส่งพนักงานสอบสวน สภ.ควนมีด จ.สงขลา เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
