รวบแก๊งหนูหลับ ตระเวนลักแบตเตอรี่รถบรรทุกทั่วเมืองอุบล กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) โดย กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) ภายใต้ การอำนวยการของ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. ได้สั่งการให้ พล.ต.ต.มนตรี เทศขัน ผบก.ป., พ.ต.อ.พรศักดิ์ เลารุจิราลัย รอง ผบก.ป, พ.ต.อ.มนูญ แก้วก่ำ ผกก.1 บก.ป., พ.ต.ท.อัครพล มณีวรรณ, พ.ต.ท.ธนศักดิ์ สว่างศรี, พ.ต.ท.สมเดช สาระบรรณ์, พ.ต.ท.อภิชน ขันกา, พ.ต.ท.พชรเดช บุญฤทธิ์ รอง ผกก.1 บก.ป. เจ้าหน้าที่ชุดจับกุม นำโดย ว่าที่ พ.ต.ต.ธนบดี ดวงจิตต์ สว.กก.1 บก.ป. พร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.1 บก.ป. ร่วมกันจับกุม ผู้ต้องหา นายวรานนท์ฯ อายุ 28 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดอุบลราชธานี ที่ จ.46/2567 ลงวันที่ 5 กุมภาพันธ์ 2567 ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน “ลักทรัพย์ในเวลากลางคืน” และจากการตรวจสอบพบว่านายวรานนท์ ฯ ยังมีหมายจับศาลจังหวัดกระบี่ที่ 549/2566 ลงวันที่ 18 ธันวาคม 2566 ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดอาญาฐาน “ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน โดยทุจริต หรือ โดยหลอกลวง นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความสียหายแก่ประชาชน” อีกหนึ่งหมายจับซึ่งยังมีผลบังคับใช้ สถานที่จับกุม หอพักย่านเขตลาดกระบัง กรุงเทพมหานคร สืบเนื่องจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.วารินชำราบ จ.อุบลราขธานี ได้รับแจ้งเหตุจากผู้ขับ รถพ่วงรถสิบล้อในพื้นที่จำนวนหลายรายว่าแบตเตอรี่รถพ่วงและรถบรรทุกของตนเองซึ่งได้จอดพักรถไว้อยู่ ริมถนนในช่วงเวลากลางคืนได้หายไป เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้แกะรอยจากกล้องวงจรปิดบริเวณโดยรอบ จนพิสูจน์ทราบตำหนิรูปพรรณได้ว่าคนร้ายที่ลักเอาแบตเตอรี่ไปคือ นายวรานนท์ฯ วัยรุ่นในพื้นที่ จึงได้เรียกตัวให้มาพบแต่ปรากฎว่านายวรานนท์ฯ ไหวตัวทัน ได้หลบหนีออกจากพื้นที่จังหวัดอุบลราชธานี พนักงานสอบสวนจึงได้ขออนุมัติศาลออกหมายจับไว้ตามหมายจับศาลจังหวัดอุบลราชธานี ที่ จ.46/2567 ลงวันที่ 5 กุมภาพันธ์ 2567 ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน “ลักทรัพย์ในเวลากลางคืน” ต่อมาสืบทราบว่านายวรานนท์ฯ ได้มาหลบหนีมาอยู่ในพื้นที่จังหวัดกรุงเทพมหานคร เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.1 บก.ป. พร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.วารินชำราบ จึงได้ร่วมกันวางแผนจับกุมนายวรานนท์ฯ เนื่องจากเจ้าหน้าที่ กก.1 บก.ป. ได้สืบทราบว่านายวรานนท์ฯ ได้หลบหนีจาก จ.อุบลราชธานี มาพักอาศัยอยู่ในหอพักย่านเขตลาดกระบัง กรุงเทพฯ จึงได้นำกำลังเข้าจับกุมผู้ต้องหาและจับกุมผู้ต้องหาได้ จากการซักถามถ้อยคำในชั้นจับกุมนายวรานนท์ฯ เริ่มจากการลักแบตเตอรี่รถยนต์ของแม่ตนเองก่อน แล้วนำไปขายปรากฏว่าได้ราคาดี จึงทำให้ได้ใจและเห็นช่องทาง จึงได้ตระเวนขับรถมอเตอร์ไซค์ ออกหาขโมยแบตเตอรี่รถบรรทุกที่จอดนอนริมถนนในเวลากลางคืน โดยใช้เพียงประแจตัวเดียว เนื่องจากแบตเตอรี่รถพ่วงจะติดตั้งอยู่ภายนอกรถสามารถแกะออกได้ง่าย โดยจะเน้นรถที่จอดทำถนน แล้วจอดค้างคืนในย่านตัวเมืองอุบล และละแวกใกล้เคียง เท่าที่จำได้ประมาณ 5 ครั้ง ได้แบตเตอรี่ไปเกือบ 20 ลูก โดยจะนำไปขายในราคาลูกละประมาณ 800 – 900 บาท สาเหตุที่ตนตัดสินใจทำไปเพราะจำใจ มีภรรยาท้องแก่ ตกงาน ไม่มีค่าฝากท้องลูกที่กำลังจะเกิด ทั้งนี้ ยังยอมรับว่าเคยรับจ้างเปิดบัญชีม้าในราคา 500 บาท มอบให้กับ คนที่รู้จักไป จากการตรวจสอบพบว่านายวรานนท์ฯ ยังมีหมายจับศาลจังหวัดกระบี่ที่ 549/2566 ลงวันที่ 18 ธันวาคม 2566 ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน “ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน โดยทุจริต หรือโดยหลอกลวง นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์ อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความสียหายแก่ประชาชน” อยู่อีกจำนวน 1 หมาย โดยพบว่าเป็นบัญชีเดียวกับ ที่ตนเองรับจ้างเปิดบัญชีจึงได้ถูกนำไปให้กับแก๊งคอลเซนเตอร์เพื่อใช้เป็นบัญชีม้าในการกระทำความผิด เจ้าหน้าที่ ชุดจับกุมได้นำตัวผู้ต้องหาส่งพนักงานสอบสวน สภ.วารินชำราบ จ.อุบลราชธานี เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป ตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) ฝากเตือนภัยประชาชน ประชาสัมพันธ์พี่น้องประชาชนผู้ประกอบอาชีพ ขับรถพ่วงรถบรรทุก ให้ใช้ความระมัดระวังในการจอดรถบริเวณริมมถนนในช่วงเวลากลางคืน ขอให้จอดในพื้นที่จอดที่มีแสงสว่างเพียงพอ มีกล้องวงจรปิด หรืออาจเสริมเชื่อมกรงบริเวณที่ติดตั้งแบตเตอรี่เพื่อให้ยากแก่การถอดลักแบตเตอรี่ไป โดยในภาวะเศรษฐกิจที่ยังไม่ฟื้นตัวทำให้บุคคลทั่วไปขาดรายได้นำไปสู่การตัดสินใจกระทำผิดกฎหมายซึ่งมีจำนวนเพิ่มขึ้น หากสามารถร่วมกันใส่ใจป้องกันได้จะช่วยลดปริมาณอาชญากรรมลงได้เป็นจำนวนมาก












