คาดเชือก : เฉาะลับ ฉะลึก แบบไม่มีนวม
วันพุธ: 12 พฤศจิกายน 2025
  • ประเด็นข่าว
    • ในประเทศ
    • ภูมิภาค
    • อาชญากรรม
    • สังคม
    • ศาสนา-วัฒนธรรม
    • เศรษฐกิจ
  • เกษตรยุคใหม่
  • คอลัมน์
    • พระเครื่อง
    • อาหาร
    • ท่องเที่ยว
    • ช้อป-ชิม-ชิล
    • บันเทิง
    • พลังงาน-คมนาคม-โลจิสติกส์
    • แฟชั่น
    • อุตสาหกรรม-เออีซี-เอสเอมอี
    • หุ้น-กองทุนรวม
    • อสังหาริมทรัพย์
    • วิเคราะห์ บทความ ต่างประเทศ
    • ประกัน
  • พระราชสำนัก
  • คาดเชือกเอกซ์คลูซีฟ
  • ไลฟ์สไตล์
No Result
View All Result
  • ประเด็นข่าว
    • ในประเทศ
    • ภูมิภาค
    • อาชญากรรม
    • สังคม
    • ศาสนา-วัฒนธรรม
    • เศรษฐกิจ
  • เกษตรยุคใหม่
  • คอลัมน์
    • พระเครื่อง
    • อาหาร
    • ท่องเที่ยว
    • ช้อป-ชิม-ชิล
    • บันเทิง
    • พลังงาน-คมนาคม-โลจิสติกส์
    • แฟชั่น
    • อุตสาหกรรม-เออีซี-เอสเอมอี
    • หุ้น-กองทุนรวม
    • อสังหาริมทรัพย์
    • วิเคราะห์ บทความ ต่างประเทศ
    • ประกัน
  • พระราชสำนัก
  • คาดเชือกเอกซ์คลูซีฟ
  • ไลฟ์สไตล์
No Result
View All Result
คาดเชือก : เฉาะลับ ฉะลึก แบบไม่มีนวม
No Result
View All Result
Home ในประเทศ

by admin
26 เมษายน 2024
in ในประเทศ
0

“บิ๊กต่าย” พร้อมเป็นคู่ขัดแย้ง “บิ๊กโจ๊ก” ย้ำทำตามหน้าที่รักษาการฯ ไม่มีเวลาเอาสมองไปคิดเรื่องปลดป้ายชื่อ

ส่วนปมหลอกนายกฯ ยืนยันเป็นตำรวจตัวเล็กจะไปทำกับผู้นำประเทศได้อย่างไร รับ เรื่องที่เกิดไม่กระทบบริหารตำรวจทั่วประเทศ

วันที่ 26 เมษายน 2567 ณ ห้องประชุมอมรวิวัฒน์ อาคารอเนกประสงค์ ตำรวจภูธรภาค 1 : พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รอง ผบ.ตร.) รักษาราชการแทนผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รรท.ผบ.ตร.) กล่าวถึงกรณีที่ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. ได้กล่าวพาดพิงจากประเด็นที่ลงนามคำสั่งให้ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ฯ ออกจากราชการชั่วคราว

โดย พล.ต.อ.กิตติ์รัฐฯ กล่าวว่า วันนี้ต้องยอมรับว่ามีหลายคนที่คิดว่าตนคงจะไม่มาแถลงข่าวการจับยาเสพติดวันนี้ แต่ตนมองว่าผลงานการจับยาเสพติด ของกองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 วันนี้ จะต้องมายกย่องชื่นชมและกำชับให้เจ้าหน้าที่ตำรวจภูธรดำเนินการต่อเนื่องกับขบวนการนี้ ซึ่งตนคิดและทำใจไว้อยู่แล้วว่าสื่อมวลชนคงจะถามคำถามประเด็นระหว่าง พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ฯ

หากผู้สื่อข่าวถามว่าถ้าอนาคตจะมีการฟ้องร้อง จนนำไปสู่การติดคุกขอเรียนว่า การดำเนินการทุกขั้นตอนในอำนาจหน้าที่ที่ตนเป็นรักษาการ ผบ.ตร. ตนยึดถือปฏิบัติตามกฎหมาย พ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติ 2565 และ กฎคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) อย่างเคร่งครัดในการพิจารณาข้อเท็จจริงและความร้ายแรงแห่งคดี

พล.ต.อ.กิตติ์รัฐฯ ระบุว่า การที่จะนำมาตราใดมาปฏิบัติเป็นเรื่องที่ฝ่ายอำนวยการ ฝ่ายกฎหมายของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ต้องผ่านการประมวลเรื่องเพื่อเสนอพิจารณาไปตามบทบัญญัติของกฎหมายทุกอย่าง เมื่อตนในฐานะรักษาการฯตัดสินใจที่จะดำเนินการตามขั้นตอนต่างๆแล้วผลที่จะเกิดขึ้นมา ตนก็มีหน้าที่ที่จะต้องชี้แจงหรือแก้ต่างในกระบวนการยุติธรรม ซึ่งส่วนนี้คิดว่าเป็นเรื่องปกติ

และเช่นเดียวกับที่มองว่าเป็นเรื่องปกติที่ ผู้ถูกกล่าวหาหรือผู้ที่ถูกดำเนินการทางวินัยร้ายแรงทุกกรณีไม่จำเป็นต้องเป็นพล.ต.อ.สุรเชษฐ์ฯ เท่านั้นที่จะมีสิทธิ์ที่ร้องเรียนต่อคณะกรรมการพิทักษ์ระบบคุณธรรมข้าราชการตำรวจ (ก.พ.ค.ตร.) ซึ่งเป็นคณะกรรมการที่เกิดขึ้นใหม่ตาม พ.ร.บ.ตำรวจ และเป็นสิทธิของทุกคนที่จะฟ้องร้องต่อศาลปกครอง

ทั้งนี้ทราบมาว่าจะมีการฟ้องร้องเจ้าหน้าที่ที่ทำคดีต่อศาลอาญาทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ซึ่งถือว่าเป็นสิทธิ์โดยชอบของผู้ถูกกล่าวหาทุกคนที่จะสามารถกระทำได้และตนมีหน้าที่ในการแก้ต่างหรือชี้แจงข้อเท็จจริง เรื่องต่างๆที่เกิดขึ้นขอย้ำว่าตนเตรียมพร้อมรองรับอยู่แล้วไม่ได้หนักใจด้วยซ้ำ

พล.ต.อ.กิตติ์รัฐฯ กล่าวย้ำว่า ตนเองเป็นรักษาการ ผบ.ตร. แต่มีอำนาจหน้าที่เช่นเดียวกับผบ.ตร. ตนมีหน้าที่ที่จะทำให้ตำรวจปรับทัศนคติและค่านิยมมาสู่ความเป็นตำรวจอาชีพ ตนเองพร้อมที่จะทำทุกอย่างในเรื่องที่ควรจะพัฒนาตำรวจไปในทิศทางที่ดีเพื่อให้เป็นที่ยอมรับและศรัทธาของประชาชน

หลายวันก่อนที่ตนเองได้ไปที่ค่ายพระรามหก และค่ายนเรศวร เพื่อดูโครงการของสำนักงานพิสูจน์หลักฐานตำรวจที่มีการแข่งขันของตำรวจนักวิทยาศาสตร์ ตนเองได้ไปดูว่าเขาแข่งขันเพื่ออะไรทำอะไร ซึ่งงานของหน่วยงานที่ต้องพิสูจน์ทราบพยานหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์จะต้องมีเพื่อสนับสนุนงานสืบสวนสอบสวนตนได้ไปเห็นด้วยสายตาของตัวเองและกลับมาคิดว่าต้องทำอะไรต่อ

เช่นเดียวกับการไปที่ค่ายพระราม 6 ได้ไปดูโครงการนักเรียนตำรวจตระเวนชายแดนที่ต้องการอยากเป็นนักกีฬาอาชีพตนขอไปดูงานแบบนั้นดีกว่า ดีกว่าไปนั่งคิดเรื่องที่มันเกิดขึ้น ณ เวลานี้

เมื่อถามถึงการลงนามให้ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ฯ ออกจากราชการไว้ก่อนซึ่งควรเป็นลำดับขั้นตอนสุดท้ายเหตุใดถึงได้ตัดสินใจทำแบบนั้น พล.ต.อ.กิตติ์รัฐฯ ยืนยันว่า ไม่มีปัจจัยอื่นมาแทรกแซงการพิจารณาเป็นไปตามหลักฐานพยาน ความร้ายแรงของคดี และเหตุที่ให้พักหรือออกราชการไว้ก่อนนั่นเป็นไปตามบัญญัติไว้ในกฎหมายทุกประการไม่มีการใช้ความรู้สึกส่วนตัวหรืออคติใดๆ

ในระหว่างนั้น นาย ชาดา ไทยเศรษฐ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย กล่าวแทรกขึ้นมาว่า ตนเชื่อว่าท่านรักษาการฯ ทำไปตามบทบาทหน้าที่ของรักษาการฯ ส่วนท่าน พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ฯ ก็มีสิทธิ์ที่จะแก้ต่างตามสิทธิ์ของตัวเองขอวันนี้ท่านรักษาการฯก็ได้บอกกับตนส่วนตัวว่าถ้าไม่กล้าหาญจริงคงไม่กล้ามาแถลงข่าว

เมื่อถามต่อว่าประเด็นดังกล่าวถือเป็นประเด็นความขัดแย้งในเรื่องการใช้กฎหมายตำรวจอาจจะมีผลต่อการทำงานของผบ.ตร.ในอนาคต พล.ต.อ.กิตติ์รัฐฯ กล่าวว่าการพิจารณาของตนเป็นไปตามกฎหมายของตำรวจ พิจารณาตามข้อเท็จจริงจากนี้ขอให้ไปเป็นตามกระบวนการพิสูจน์กระบวนการยุติธรรม

“ตนขอให้สื่อมวลชนได้ถ่ายทอดคำพูดตนสู่ตำรวจทั้งประเทศขอให้ตำรวจทั้งประเทศหันหน้าทำงาน สิ่งที่เกิดขึ้นตอนนี้อย่าได้คิดว่าเป็นอุปสรรคต่อการบริหารงานของสำนักงานตำรวจแห่งชาติส่วนตัวไม่เคยคิด และยังเดินหน้าทำงานอยู่ แต่ละวันคิดแค่ว่าจะทำอะไรเพื่อตำรวจและประชาชน อยากให้ตำรวจทุกคนทำงานในหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุดไม่ต้องคิดอะไรไปมากกว่ามีหน้าที่และทำไปเพื่อประชาชนอย่างจริงจังความเชื่อมั่นและศรัทธาจะกลับมา”พล.ต.อ.กิตติ์รัฐฯ กล่าว

เมื่อถามถึงกรณีที่พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ฯ ระบุว่า การลงนามคำสั่งของรักษาการฯ มีการบิดเบือนให้นายกรัฐมนตรีลงนามในการโยกย้ายให้ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ฯ กลับมาประจำที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ก่อนจะถูกสั่งออกจากราชการชั่วคราว

“ท่านเป็นถึงนายกรัฐมนตรี ท่านเป็นผู้บังคับบัญชาสูงสุดของชาติผมคือตำรวจคนหนึ่งจะเอาอะไรไปหลอกลวงระดับผู้บริหารประเทศ ด้วยสติปัญญา ด้วยความคิดต่างๆ ตนจะไปหลอกอะไรท่าน ท่านเป็นนายกรัฐมนตรีนะ” พล.ต.อ. กิตติ์รัฐฯ กล่าว

ประเด็นว่า พล.ต.อ.กิตติ์รัฐฯ เป็นคู่ขัดแย้งกับ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ฯ หรือไม่ ระบุว่า ตนไม่เคยเป็นคู่ขัดแย้งกับใคร แต่ใครจะมองยังไงก็ว่ากัน แต่ตนไม่คิดที่จะขัดแย้งและตนให้เกียรติกับทุกคนเหมือนเดิม

กรณีการปลดป้ายชื่อออกจากหน้าห้องทำงานที่สำนักงานตำรวจฯ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐฯ กล่าวว่า ตนมีอะไรต้องทำมากกว่าไปปลดป้ายชื่อคนอื่น ถ้าจะปลดทำไมไม่ปลดท่านผบ.ตร. หรือพล.ต.อ.รอย อิงคไพโรจน์ ด้วย ย้ำว่ามีเรื่องอื่นมากกว่าต้องทำ ใครจะปลดก็เป็นเรื่องที่ต้องพิสูจน์กันไป

“ผมไม่เอาสมองกับเวลามาทำเรื่องอย่างนี้หรอก คำพูดที่เคยให้ไว้ที่หน้าห้องประชุมศรียานนท์ ว่า ให้เกียรติทั้ง 2 ท่าน สัจจะวาจาเป็นเช่นไร คำว่าให้เกียรติก็ยังมี ในวงการตำรวจต้องให้เกียรติเสมอ” พล.ต.อ.กิตติ์รัฐฯ กล่าว

กรณีที่ถูกกล่าวหาว่ากระเหี้ยนกระหือรือจะเป็นผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาตินั้น การเป็นผู้นำองค์กรไม่ได้ขึ้นอยู่กับว่าอยากเป็นหรือไม่ แต่ขึ้นอยู่กับการพิจารณาของ ก.ตร.การใช้อำนาจและการพิจารณาตามกฏหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้อง ซึ่งความคิดเห็นประการใดก็ถือเป็นมุมมองของผู้ถูกกล่าวหา แม้จะถูกกล่าวหาในเรื่องร้ายแรงก็เป็นสิทธิ์ที่คิดได้อยู่แล้ว ตนไม่จำกัดความคิดของใคร

ส่วนกรณีนี้เป็นการพิจารณาข้อกฎหมายที่มีความผิดพลาดหรือไม่นั้นก็เป็นสิทธิ์ที่ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ฯ คิดได้เช่นกัน ต้องเข้าสู่กระบวนการของหน่วยงานที่จะต้องพิจารณาพิจารณาเรื่องนี้ต่อไป ไม่ว่า ศาลปกครอง หรือศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบที่มีการระบุว่าจะไปยื่นฟ้องเช่นกัน

อย่างไรก็ตาม ผู้สื่อข่าวถามว่า เป็นไปได้หรือไม่ที่ คนระดับตนเองหรือสำนักงานตำรวจแห่งชาติ จะพลั้งเผลอในข้อกฎหมาย ไม่อย่างนั้น พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ฯ จะต้องถูกฟ้องกลับหรือไม่ ที่ให้ข้อมูลเท็จ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐฯ ตอบกลับผู้สื่อข่าวว่า พี่ยังคิดได้เลยว่าคนระดับท่านจะพลั้งเผลอหรือ ก็เป็นมุมมองของแต่ละคน และยืนยันว่าไม่กังวล ว่าจะกระทบกับหน้าที่การงาน อะไรที่จะต้องเกิดขึ้น จากดุลยพินิจขององค์กรต่างๆก็ต้องยอมรับ

แต่กรณีที่ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ฯ ฝากถึงตนเองในเรื่องจะมีศักดิ์ศรี หรือลาออกนั้น ยืนยันตนคิดเรื่องตั้งใจทำงานอย่างเดียว อยากจะบอกความคิดของตนเองว่าเรื่องศักดิ์ศรี เรื่องติดคุกติดตะราง เรามาเป็นตำรวจเราต้องเตรียมรับสถานการณ์นี้ในเรื่องหน้าที่การงานอยู่แล้ว ทุกวันทุกเวลาตัวเองคิดแต่เรื่องจะบำรุงดูแลขวัญตำรวจอย่างไร ไม่คิดถึงเรื่องติดคุกเลย การที่ผมออกคำสั่งตั้งกรรมการวินัยร้ายแรงออกจากราชการไว้ก่อนนั้นเป็นเรื่องของการพิจารณาจากข้อเท็จจริงพยานหลักฐานและใช้กฎหมายบทบัญญัติที่ถูกต้อง ส่วนจะมีข้อคิดเห็นอย่างไรก็เป็นมุมมองของแต่ละคน

ส่วนช่วงเวลาในการส่งตัวและระหว่าง
สำนักนายกรัฐมนตรี และ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ จะถือว่ามีผลในข้อกฎหมายที่ทำให้แก่ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ฯฟ้องร้องในครั้งนี้ได้หรือไม่นั้น ตอบว่า พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ฯ และ พล.ต.เอ.สุรเชษฐ์ฯ เองได้มีคำสั่งให้ให้ไปปฏิบัติหน้าที่ที่สำนักงานนายกรัฐมนตรีทั้งคู่ การที่ตนเองต้องรายงานไปยังนายกรัฐมนตรี ก็ถือเป็นเรื่องปกติที่รักษาราชการแทนผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ จะต้องรายงานเหตุอย่างใดอย่างหนึ่ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งกรณีที่นายกรัฐมนตรี เป็นผู้ออกคำสั่งให้ทั้งสองคนไปปฏิบัติหน้าที่ หากเราไม่รายงานก็จะไม่ถูกต้อง กรณีสำนักนายกรัฐมนตรีได้ส่งตัวกลับก็เป็นเรื่องของสำนักนายกรัฐมนตรี ซึ่งปลัดฯที่เป็นผู้บังคับบัญชาเป็นผู้ที่มอบหมายหน้าที่การส่งกลับมาก็ถือเป็นเรื่องปกติเช่นกัน

ตอนนี้ที่ถูกมองว่ากระบวนการในการร่างหนังสือที่ออกจากราชการไว้ก่อนรวมถึงสำนักรัฐมนตรีให้ส่งตัวเพื่อให้ออกจากราชการนั้น ย้ำว่าต้องเคารพในการโต้แย้งและความคิดของ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ไม่ต้องนำมาเป็นประเด็นอะไร ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี และตนเองในฐานะรักษาราชการแทน ก็ได้ใช้การพิจารณาไปตามพยานหลักฐาน และข้อกฎหมาย

ส่วนสาเหตุในการให้ออกที่ระบุว่าเนื่องจากถูกตั้งคณะกรรมการสอบสวน และต้องใช้ระยะเวลาในการสอบสวนข้อเท็จจริงนาน หรือเกรงยุ่งพยานหลักฐานจะถือว่าเพียงพอในการให้ออกจากราชการก่อนหรือไม่ หากไม่ได้กระทำเช่นนั้นจริง

‘นี่แหละที่บอกว่าอยู่ในเนื้อหาของข้อเท็จจริง ตนเองพูดอะไรออกไปก็เป็นการก้าวล่วงคณะกรรมการสอบสวนพิจารณาทางวินัย จึงเป็นหน้าที่ของคณะกรรมการสอบสวนการวิจัยพฤติกรรมต่างๆก็เป็นไปตามบัญญัติของกฎหมาย ตนคงไม่บรรยายกฎหมายให้ฟัง ขนาดตัวเองเป็นผู้รักษากฎหมาย จะทำอะไรก็ต้องศึกษา’

ส่วนเรื่องการตรวจสอบขบวนการ 4 ต.ก็ต้องอยู่ข้อเท็จจริงว่ามีความเกี่ยวพันหรือยุ่งเหยิงอย่างไรและมีส่วนเกี่ยวข้องอย่างไรซึ่งมีขั้นตอนต่างๆกำหนดไว้อยู่แล้ว บอกตรงๆ ว่าไม่เคยคิด ตนอยากใช้ชีวิตเหมือนตำรวจทั่วไป เราเป็นตำรวจที่ได้รับมอบหมายให้ปฏิบัติหน้าที่ก็ต้องทำหน้าที่ให้ดีที่สุด จะฝากอะไรไปถึงรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติเอง เคารพความคิดของพล.ต.อ.สุรเชษฐฯ ซึ่งจะมีความคิดเห็นประการใดก็เป็นกระบวนการที่พล.ต.อ.สุรเชษฐฯ รู้ว่าต้องทำเช่นนั้นอยู่แล้ว ตัวเองจะทำงานได้กับทุกคนไม่มีอคติ และไม่คิดทางลบกับใครทั้งนั้น พร้อมจะทำงานกับทุกคน เป็นกระบวนการในการพิสูจน์ทราบว่ามีการกระทำผิดวินัยร้ายแรงเกิดขึ้นหรือไม่อย่างไร ขึ้นอยู่กับคณะกรรมการสอบสวนทางวินัย จะไม่ติดใจกรณีนี้ที่ถูกกล่าวหาใดๆ ทั้งนั้นไม่ได้คิดอะไรทุกอย่างในการดำเนินการตามความคิดและขั้นตอน

Previous Post

ผบช.สตม. สั่งเข้ม ปราบปรามคนต่างด้าวลอบทำงานต้องห้าม แย่งอาชีพคนไทยย่านประตูน้ำ บูรณาการหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรวบคนต่างด้าวผิดกฎหมาย 13 ราย

Next Post

Related Posts

ทหารเขมรจัดฉากแล้วป้ายสีใส่ทหารไทย !!!
ในประเทศ

ทหารเขมรจัดฉากแล้วป้ายสีใส่ทหารไทย !!!

12 พฤศจิกายน 2025
DSI จับเสื้อละเมิดลิขสิทธิ์ 3 หมื่นชิ้น ซุกโกดังย่านบางนา
ในประเทศ

DSI จับเสื้อละเมิดลิขสิทธิ์ 3 หมื่นชิ้น ซุกโกดังย่านบางนา

12 พฤศจิกายน 2025
ปราจีนบุรี – หนุ่มตีเนียนฉกเงินเก้าพันในย่ามพระไปแจกสาว
ในประเทศ

ปราจีนบุรี – หนุ่มตีเนียนฉกเงินเก้าพันในย่ามพระไปแจกสาว

12 พฤศจิกายน 2025
สุชาติ ชมกลิ่น”หนุนความร่วมมือ Zero Food Waste” ระหว่างกรมอุทยานฯและซีพี แอ็กซ์ตร้า สร้างต้นแบบการจัดการอาหารส่วนเกินสู่สัตว์ป่า สนับสนุนนโยบายสังคมคาร์บอนต่ำของรัฐบาล
ในประเทศ

สุชาติ ชมกลิ่น”หนุนความร่วมมือ Zero Food Waste” ระหว่างกรมอุทยานฯและซีพี แอ็กซ์ตร้า สร้างต้นแบบการจัดการอาหารส่วนเกินสู่สัตว์ป่า สนับสนุนนโยบายสังคมคาร์บอนต่ำของรัฐบาล

12 พฤศจิกายน 2025
พรรคโอกาสใหม่ ประชุมใหญ่ เปิดตัวกรรมการบริหารชุดใหม่ “จตุพร บุรุษพัฒน์” อดีต รมว.พาณิชย์ ได้รับเลือกตั้งเป็นหัวหน้าพรรค พร้อมประกาศนำพรรคสู่สนามเลือกตั้ง 2569 
ในประเทศ

พรรคโอกาสใหม่ ประชุมใหญ่ เปิดตัวกรรมการบริหารชุดใหม่ “จตุพร บุรุษพัฒน์” อดีต รมว.พาณิชย์ ได้รับเลือกตั้งเป็นหัวหน้าพรรค พร้อมประกาศนำพรรคสู่สนามเลือกตั้ง 2569 

12 พฤศจิกายน 2025
สาวซิ่งเก๋งไฟฟ้าฝ่าไฟแดงสี่แยกทุ่งครุ ชนเก๋งBMW ก่อนข้ามเลนกวาด จยย. 2 คัน ดับ 1 เจ็บ 3  
ในประเทศ

สาวซิ่งเก๋งไฟฟ้าฝ่าไฟแดงสี่แยกทุ่งครุ ชนเก๋งBMW ก่อนข้ามเลนกวาด จยย. 2 คัน ดับ 1 เจ็บ 3  

12 พฤศจิกายน 2025
Next Post

หน่วยปราบยาเสพติดพื้นที่ท่าเรือ (SITF) ตรวจยึดคีตามีน 320 กิโลกรัมซุกซ่อนในฐานรองหุ่นยนต์เหล็ก เตรียมจัดส่งปลายทางไต้หวัน ผ่านการขนส่งทางเรือขยายผลจับกุมผู้ส่งสินค้าชาวไทย 1 คน

หน่วยปราบยาเสพติดพื้นที่ท่าเรือ (SITF) ตรวจยึดคีตามีน 320 กิโลกรัมซุกซ่อนในฐานรองหุ่นยนต์เหล็ก เตรียมจัดส่งปลายทางไต้หวัน ผ่านการขนส่งทางเรือขยายผลจับกุมผู้ส่งสินค้าชาวไทย 1 คน

ผู้สนับสนุน

อัพเดท ไวรัสโคโรน่า 19

Total in Thailand
Last update on:
Cases

Deaths

Recovered

Active

Cases Today

Deaths Today

Critical

Cases Per Million

คาดเชือก

Kardchuek News เว็บไซต์ข่าวสาร

"เฉาะลับ ฉะลึก แบบไม่มีนวม"

  • https://kardchuek.net/
กลับหน้าแรก

Browse by Category

  • การศึกษา (3)
  • การเมือง (15)
  • ข่าวทั่วไป (30)
  • ข่าวประชาสัมพันธ์ (27)
  • ข่าวอุบัติเหตุ (10)
  • คอลัมน์ (4)
  • คาดเชือก (31)
  • คาดเชือกเอกซ์คลูซีฟ (25)
  • ช้อป ชิม ชิว (1)
  • ช้อป-ชิม-ชิล (5)
  • ท่องเที่ยว (15)
  • บันเทิง (5)
  • ประกัน (2)
  • ประเด็นข่าว (3,567)
  • พระราชสำนัก (7)
  • พระเครื่อง (18)
  • พลังงาน (7)
  • พลังงาน-คมนาคม-โลจิสติกส์ (2)
  • ภูมิภาค (1,845)
  • วิเคราะห์ บทความ ต่างประเทศ (2)
  • ศาสนา-วัฒนธรรม (58)
  • สังคม (657)
  • หุ้น-กองทุนรวม (1)
  • อาชญากรรม (1,498)
  • อาหาร (9)
  • อุตสาหกรรม-เออีซี-เอสเอมอี (2)
  • เกษตรยุคใหม่ (13)
  • เศรษฐกิจ (17)
  • แฟชั่น (3)
  • ในประเทศ (14,561)
  • ไลฟ์สไตล์ (5)

Copyright © 2022, KARDCHUEK.NET, All rights reserved.

  • ประเด็นข่าว
  • ในประเทศ
  • ภูมิภาค
  • อาชญากรรม
  • สังคม

Welcome Back!

Login to your account below

Forgotten Password? Sign Up

Create New Account!

Fill the forms below to register

All fields are required. Log In

Retrieve your password

Please enter your username or email address to reset your password.

Log In

Add New Playlist

No Result
View All Result
  • ประเด็นข่าว
  • เศรษฐกิจ
  • ท่องเที่ยว
  • ช้อป-ชิม-ชิล
  • บันเทิง
  • พระราชสำนัก
  • คาดเชือกเอกซ์คลูซีฟ

Copyright © 2022, KARDCHUEK.NET, All rights reserved.