(คืบหน้า-) จับไอ้โหดใช้ท่อนเหล็กตีชิงทรั
พย์อดีตผู้กองทหารตาย กล้องวงจรปิดจับภาพคนร้ายจี้ชิงทรัพย์เสียชีวิตชาวบ้านฮือรุมประชาทัณฑ์ ตร.กันไว้ได้รบสารภาพบันดาลโทสะที่ถูกทวงหนี้กินแล้วติดกว่า10,000 บาท ตั้งบำเพ็ญกุศลที่วัดโพธิ์ศรี กำหนดสวดพระอภิธรรมระหว่าง 16-18 ก.ย.66 ฌาปนกิจศพ 19 ก.ย.66 นี้
เมื่อเวลา 1630 น. วันนี้ 15 ก.ย.66 ผู้สื่อข่าว จ.ปราจีนบุรีรายงานความคืบหน้า จากกรณี ร.ต.อ.กมล โยงรัมย์ รองสารวัตรเวรสอบสวน สภ.นาดี จ.ปราจีนบุรี ได้รับแจ้งว่า มีคนร้ายใช้รถ จยย.เป็นพาหนะเข้าไปที่ร้านขายของชำ บ้านเลขที่ 138 ม.5 บ้านสะพานหิน ต.สะพานหิน อ.นาดี จ.ปราจีนบุรี และทำร้ายร่างกายร้อยเอกศักดิ์ชาย พัดจ้อย อายุ 73 ปี (เจ้าของร้าน) นายทหารสัญญาบัตร(เกษียณอายุราชการ) ได้รับบาดเจ็บสาหัส ก่อนขี่รถ จยย.หลบหนีไปตามถนนสายในหมู่บ้านสะพานหิน – บ้านหนองแหน
ได้เดินทางไปยังที่เกิดเหตุ พบว่าเป็นร้านขายของชำ ภายในร้านมีรอยเลือดของเจ้าร้านอยู่ที่พื้นที่เป็นจำนวนมาก ส่วนผู้บาดเจ็บทางเจ้าหน้าที่กู้ภัยองค์การบริหารส่วนตำบลนาแขม (อบต. ) ได้เข้าช่วยเหลือปฐมพยาบาลเบื้องต้นและนำตัวส่งห้องผู้ป่วยฉุกเฉินโรงพยาบาลนาดี เนื่องจากถูกทำร้ายที่ศีรษะและแพทย์กำลังทำการเย็บแผล จำนวน 30 เข็ม จากการตรวจสอบภายในร้าน ทราบว่าคำร้ายได้ทำการลักกระเป๋าเงินมีเงินสดประมาณ 1 หมื่นบาท พร้อมสร้อยทองหนัก 1 บาท
โดยตรวจสอบพบ กล้องวงจรปิดบริเวณหน้าร้านสามารถบันทึกภาพ คนร้ายชายสวมเสื้อแจ็คเก็ตสีน้ำเงิน กางเกงขายาวสีดำ สวมหมวกแก๊ปสีดำ สวมแมสปิดปังใบหน้า ขับรถจักรยานยนต์ ฮอนด้าคลิก สีดำ ทะเบียนป้ายแดง ไม่ทราบทะเบียน มาจอดบริเวณหน้าร้านพร้อมเดินเข้าไปในร้าน ก่อนมีเสียงจากกล้องวงจรปิดมีเสียงเอะอะโครมคราม จนทำให้สุนัขที่อยู่หน้าร้าน 2 ตัว เห่ากรรโชก และมีเสียงคนข้างในร้านร้องขอความช่วยเหลือ
จากนั้นคนร้ายได้ออกมาจากในร้านและขับรถหนีไป โดยใช้เวลาก่อเหตุในร้านประมาณ 5 นาที ส่วนกล้องวงจรปิด 2 ตัวที่อยู่ภายในร้าน คนร้ายถอดออกไปด้วย คาดว่าคนร้ายน่าจะรู้การเคลื่อนไหวของที่ร้านเป็นอย่างดี
ด้าน ลุงผ่อง สิงห์สนิทคนเห็นเหตุการณ์ กล่าวว่า เมื่อเวลา16.00 น.วานนี้(15ก.ย.) ขณะที่ตนเองไปซื้อของที่ร้านค้าพบผู้บาดเจ็บนอนจมกองเลือด ร้องขอความช่วยเหลือ จากนั้นได้โทรแจ้งผู้ใหญ่บ้านประสานกู้ภัยมารับตัวคนเจ็บส่งโรงพยาบาลเป็นการด่วน เนื่องจากผู้ได้รับบาดเจ็บนอนจมกองเลือดและมีแผลฉกรรจ์บริเวณศีรษะ
ด้าน น.ส.น้ำฝน พัดจ้อย ลูกสาวกล่าวว่า วันเกิดเหตุ เมื่อวานนี้(15ก.ย.)ตนเองได้ไปทำงานโรงงาน พ่ออยู่บ้านเปิดร้านขายของชำตามปกติ ตามลำพัง ทราบจากเพื่อนบ้านว่าพ่อได้รับบาดเจ็บอาจจะลื่นล้มภายในร้านพ่อถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลนาดี เมื่อกลับมาดูกล้องวงจรปิดพบว่ามีชายแปลกหน้าเข้ามาในร้านและใช้เหล็กที่ซุกอยู่ในเสื้อยืดด้านหลังมา กระหน่ำตีที่บริเวณใบหน้าของคุณพ่ออย่างบ้าคลั่ง และค้นเอาเงินสดติดตัวไปจำนวนหนึ่งและสร้อยคอทองคำ พร้อมอาวุธปืนจุด.38ของพ่อไปด้วย ต่อมาคุณพ่อได้เสียชีวิตลงเมื่อเวลา 21:00 น. ที่ผ่านมาไม่รู้ว่าคนร้ายเป็นใคร ปกติมีลูกค้ามาเซ็นของที่ร้านอยู่หลายคน แต่มีลูกค้ารายหนึ่งเซ็นของไปเป็นจำนวนเงิน 10,000 บาท พ่อได้ทวงถามแต่ก็บอกว่ายังไม่มีเงินมาใช้หนี้ในระยะนี้ขอผลัดไปก่อน
ด้าน พ.ต.อ.นัธการต์ ประทุมตรี ผกก.กล่าวกับผู้สื่อข่าวสั้นๆว่าขอให้ทางตำรวจทำงานก่อนยังไม่พร้อมที่จะให้ข้อมูลและให้สัมภาษณ์ และได้ส่งชุดสืบสวนลงพื้นที่หาข่าวและแกะหาเบาะแสของผู้ก่อเหตุแล้วตั้งแต่เมื่อบ่ายของวันนี้ขอเวลาทำงาน1-2วันคาดว่าน่าจะได้ตัวผู้ก่อเหตุมาดำเนินคดี
ต่อมาเมื่อเวลา 11.30น.ของวันนี้ตำรวจชุดสืบสวน สภ.นาดีพร้อมชุดสืบ ภ.จว.ปราจีนบุรี และสิบ ตร.ภ.2 ได้ติดตามจับกุมตัวผู้ก่อเหตุได้อยู่บริเวณสวนทุเรียนข้างที่ที่ทำงาน(ฟาร์มหมู)ของผู้ก่อเหตุ ซึ่งผู้ก่อเหตุเป็นลูกจ้างทำงานฟาร์มหมู จากนั้นได้นำตัวไปสอบสวนที่สภ.นาดี
เวลา13.55 น. พ.ต.ท.ธีรพงษ์ องอาจ สารวัตรเวร(สอบสวน) สภ.นาดี จ.ปราจีนบุรี กล่าวว่า ชุดสืบสวน สภ.นาดี ร่วมกับ ชุดสืบ ภ.จว.ปราจีนบุรี และ สืบ ภาค 2 สามารถติดตามเบาะแสคนร้ายจากกล้องวงจรปิดและพยานแวดล้อมติดตามจับกุมคนร้ายที่ก่อเหตุที่ ขับขี่รถ จยย.ยี่ห้อ ฮอนด้าน รุ่น คลิก สีเทา – ดำ ติดทะเบียนป้ายแดง 01-0708 สภ.เมืองสระแก้ว สวมหมวกแก๊ปปิดบังใบหน้าพร้อมแมส(หน้ากากอนามัย)ปิดคาดอำพรางใบหน้าใสเสื้อคุลม เข้ามาในร้านค้าขายของชำของผู้ตายขณะอยู่ลำพัง ช่วงที่ลูกสาว –ลูกเขย ออกไปทำงานโรงงาน พร้อมนำท่อนเหล็กความยาวเกือบ1 เมตร ที่พกติดหลังออกมากระหน่ำตีเจ้าของร้านค้าได้รับบาดเจ็บสาหัส และ เสียชีวิตหลังนำส่งรักษา รพ.นาดี
พร้อมนำทรัพย์สิน เป็นสร้อยคอทองคำน้ำหนัก 1 บาท ออกจากคอ ,เงินสดจากกระเป๋าเงินคนตาย ไปจำนวนหนึ่ง ขับรถ จยย.หลบหนีไปที่ฟาร์มหมูที่คนร้ายทำงานอยู่ ห่างจากที่เกิดเหตุไกลกว่า 5 กม.เศษ พร้อมนำเสื้อคลุม ,ท่อนเหล็กที่ใช้ก่อเหตุโยนทิ้งกลางสะพานบ้านระหว่างจะลิ่ง – บ้านวังหมันแควหนุมาน ทำลายหลักฐาน
โดยสารมารถจับกุมได้ระหว่างทางสวนทุเรียนที่ไปฟาร์มหมูที่คนร้ายทำงานอยู่ ทราบชื่อคนร้านต่อมา ชื่อนายอุทร นาคสี อายุ 40 ปีอยู่บ้านเลขที่ 104 หมู่ 3 ตำบลเจริญธรรม อำเภอวิหารแดง จังหวัดสระบุรี โดยคนร้ายเป็นลูกจ้างของฟาร์มหมูดังกล่าว ที่กำลังเตรียมหลบหนีหลังก่อเหตุ จึงนำกำลังเข้าทำการจับกุมตัวพร้อมสอบสวนและนำไปงมหาของกลางที่ใช้ก่อเหตุ แต่ไม่พบเนื่องจากน้ำไหลแรงและเชี่ยวกราก
เบื้องต้นคนร้ายให้การรับสารภาพเป็นคนก่อเหตุชิงทรัพย์ผู้เสียชีวิตเนื่องจากประสงค์ต่อทรัพย์ที่เห็นผู้เสียชีวิตสวมสร้อยคอทองคำ และเป็นผู้สูอายุอยู่ลำพัง จึงได้ก่อเหตุดังกล่าว ก่อนหน้านี้เคยก่อเหตุปล้นทรัพย์มา 2 คดีมาก่อน ในพื้นที่ จ.จันทบุรี และพื้นที่ จ.สระบุรีบ้านเกิด และหลบหนีมาทำงานที่ฟาร์มหมู ต.สำพันตา อ.นาดี จ.ปราจีนบุรีและก่อเหตุฆ่าชีงทรัพย์ โดยได้แจ้งข้อกล่าวหาเบื้องต้นคือ ชิงทรัพย์เป็นเหตุให้ผู้อื่นเสียชีวิตและเตรียมแจ้งข้อกล่าวหาอื่นที่เกี่ยวข้องต่อไปและจะได้นำตัวไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพ
ขณะที่ นายปรีดี คงเหม็ง ผญบ.หมู่ 5 บ้านสะพานหิน ต.สะพานหิน อ.นาดี จ.ปราจีนบุรี กล่าวว่า ได้รับแจ้งครั้งแรกมาตรวจสอบพบผู้เสียชีวิตยังบาดเจ็บอยู่ตอนแรกคิดว่าล้มฟาดพื้น แต่ลูกสาวตรวจทรัพย์สินสร้อยคอ เงินสด ปืนพกหายไปและกล้องวงจรปิดพบคนร้ายชิงทรัพย์แล้วหลบหนีไดรีบแจ้งกู้ภัยนำส่งห้องผู้ป่วยฉุกเฉิน รพ.นาดีเร่งด่วนสามารถช่วยฟื้นคืนชีพได้เมื่อเวลา21.00 น.แต่เสียชีวิตต่อมาเวลา22.00 น.ปกติคนตายเป็นคนจิตใจดี เสียงดังฟังชัด ตรงไปตรงมา ตามแบบทหารเก่า ตามที่ได้นำเสนอไปแล้วก่อนหน้านี้ นั้น
ความคืบหน้าล่าสุด เวลา 16:28 น.ตำรวจจาก สภ.นาดี พร้อมชุดสืบสวนจาก ภ.จว.ปราจีนบุรีร่วมกับสืบ ภ.2 กว่า 20 นายได้นำตัวผู้ก่อเหตุมาทำแผนในที่เกิดเหตุหมู่บ้านสะพานหิน หมู่ 5 ซึ่งมีประชาชนมามุงดูด้วยความสนใจ
ขณะเจ้าหน้าที่กำลังนำตัวผู้ก่อเหตุทำแผนที่บ้านของผู้เสียชีวิต มีญาติของผู้เสียชีวิตถือมีดปอกผลไม้ยาว 10 ซมวิ่งกรูเข้ามาเพื่อที่จะมาทำร้ายผู้ก่อเหตุ แต่โชคดีทางเจ้าหน้าที่ตำรวจเห็นเสียก่อน จึงยึดมีดเอาไว้และนำตัวผู้ก่อเหตุออกจากที่เกิดเหตุเพื่อความปลอดภัย
ผู้ก่อเหตุชี้จุดใช้เหล็กตีผู้เสียชีวิตอยู่ภายในห้องหน้าบันได และ ชี้จุดที่ได้แกะกล้องวงจรปิดภายในบ้านพัก 2 ตัว ที่ติดตั้งไว้ นำไปทิ้งบริเวณสะพานแม่น้ำคลองยาง ซึ่งห่างจากจุดเกิดเหตุ 3 กม.ขณะที่ผู้ก่อเหตุยอมรับสารภาพว่า โมโหผู้เสียชีวิต ที่ทวงหนี้เงิน ที่ติดค้างไว้ ในการเชื่อซื้อของไว้ยังไม่จ่ายก่อนหน้า กว่า10,000 บาท
จึงบันดาลโทสะใช้เหล็กที่เตรียมมา ทำร้ายร่างกายผู้เสียชีวิตโดยปีที่ศีรษะ 3-5 ครั้ง เป็นเหตุให้ผู้เสียชีวิตนอนหายใจรวยรินอยู่ภายในบ้าน แล้วขับรถจักรยานยนต์หนีไป ทิ้งให้ผู้เสียชีวิตนอนหายใจรวยรินจมกองเลือดอยู่ภายในบ้านเพียงลำพัง ผ่านไปนับชั่วโมง จนมีเพื่อนบ้านมาซื้อของที่ร้านถึงร้องให้เพื่อนบ้านช่วยนำตัวส่งห้องผู้ป่วยฉุกเฉินโรงพยาบาลนาดี ทางเจ้าหน้าที่นำตัวผู้ได้รับบาดเจ็บส่งโรงพยาบาลนาดีและส่งตัวรักษาต่อที่โรงพยาบาลกบินทร์บุรี และเสียชีวิตเมื่อเวลา 21:00 น ของเมื่อคืนที่ผ่านมาเนื่องจากทนพิษบาดแผลไม่ไหว
ป้าฉวีวรรณ ญาติผู้เสียชีวิตที่มาดูการทำแผนบอกว่ารู้สึกเสียใจกับเรื่องราวที่เกิดขึ้น ไม่คิดว่าผู้ก่อเหตุจะใจร้ายอำมหิตถึงขั้นลงมือก่อเหตุได้ถึงเพียงนี้ อยากให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินคดีตัดสินให้ตายตามกันไปโดยศพผู้เสียชีวิตญาตินำไปตั้งบำเพ็ญกุศลที่วัดโพธิ์ศรี กำหนดสวดพระอภิธรรม ตั้งบำเพ็ญกุศล 3 คืน ระหว่าง 16-18 ก.ย.66 ฌาปนกิจศพ 19 ก.ย.66 นี้
