“ หนุมาน กองปราบ”ร่วม ป.ป.ท. รวบอดีตตำรวจจ่ากอง ขโมยปืนหลวงของสภ.ตาคลี หลบหนีคดีกว่าสิบปี
เมื่อเวลา 06.00 น.วันที่ 11 ส.ค.พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว ผบก.ปปป.รรท.ผบก.ทล., พ.ต.อ.ประสงค์ เฉลิมพันธ์ รอง ผบก.ฯ.รรท.ผบก.ปปป. สัางการให้ พ.ต.อ.แมน เม่นแย้ม รอง ผบก.ปปป. พ.ต.อ.อภิชาติ เรนชนะ ผกก.4.บก.ปปป. นำชุดปฏิบัติการพิเศษ “หนุมาน กองปราบ” ร่วมกับนายภูมิวิศาล เกษมศุข เลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ท., พ.ต.ท.สิริพงษ์ ศรีตุลา ผู้อำนวยการกองปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ 2 จับกุม ด.ต.ประกอบ นกลอย อายุ 54 ปี อดีตตำรวจ สภ.ตาคลี ตามหมายจับศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 6 ที่ จ.52/2566 ลงวันที่ 10 สิงหาคม 2566 ข้อหา เป็นเจ้าพนักงาน มีหน้าที่ซื้อ ทำ จัดการหรือรักษาทรัพย์ใด เบียดบังทรัพย์นั้นเป็นของตน หรือเป็นของผู้อื่นโดยทุจริต หรือโดยทุจริตยอมให้ผู้อื่นเอาทรัพย์นั้นเสียฯ เป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริตฯ จับได้ที่หน้าศาลาวัดห้วยร่วม หมู่ 3 ต.ห้วยร่วม ต.หนวงบัว จ.นครสวรรค์ สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 2 มิถุนายน 2557 ด.ต.ฉัตรเพชร รัตนโศภิต ตรวจพบประตูห้องคลังอาวุธปืนภายใน สภ.ตาคลี มีร่องรอยการถูกงัด ต่อมาเมื่อวันที่ 9 มิถุนายน 2557 คณะกรรมการตรวจสอบอาวุธยุทธภัณฑ์ฯ มีหนังสือแจ้ง ด.ต.ประกอบ นกลอย เจ้าหน้าที่ผู้ดูแลฯ ให้จัดทำบัญชีและจัดเตรียมสิ่งของหลวงเพื่อรอรับการตรวจ แต่ปรากฏว่าไม่สามารถติดต่อ ด.ต.ประกอบ ได้ และเมื่อวันที่ 9 กรกฎาคม ปีเดียวกัน คณะกรรมการตรวจสอบอาวุธยุทธภัณฑ์ฯ จึงได้ตรวจสอบพบว่ามีอาวุธปืนและรถจักรยานยนต์หายไป ประกอบด้วย อาวุธปืนพกลูกโม่แบบ 91 ขนาด .38 นิ้ว S&W จำนวน 13 กระบอก 2.อาวุธปืนพกแบบ 97 ขนาด 9 มม. บราวนิงค์ไฮเพาเวอร์ จำนวน 1 กระบอก 3 อาวุธปืนพกแบบ 86 ขนาด 11 มม. ยูเอสอาร์มี่ จำนวน 1 กระบอก 4.รถจักรยานยนต์แบบชาย รุ่น วิคเตอร์ เอส สีน้ำตาล จำนวน 3 คัน หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ตาคลี ได้แจ้งความดำเนินคดีกับ ด.ต.ประกอบ นกลอย ในข้อหาเป็นเจ้าพนักงานมีหน้าที่ซื้อ ทำ จัดการ หรือรักษาทรัพย์ใด เบียดบังทรัพย์นั้นเป็นของตนหรือเป็นของผู้อื่นโดยทุจริต หรือโดยทุจริตยอมให้ผู้อื่นเอาทรัพย์นั้นเสีย เนื่องจากผู้ต้องหามีหน้าที่ดูแลรักษาทรัพย์ของหลวง และเมื่อติดตามตัวกลับไม่สามารถติดต่อได้ เชื่อว่าด.ต.ประกอบ ได้ลักทรัพย์อาวุธปืน และรถจักรยานยนต์ ทั้งหมดไปเป็นของตนเองหรือโดยทุจริต ทำให้เกิดความเสียหายแก่ราชการ สุดท้ายถูกบก.ภ.จว.นครสวรรค์ มีคำสั่งลงโทษไล่ออก ก่อนส่งเรื่องให้คณะกรรมการ ป.ป.ท. ก่อนสรุปส่งเรื่องให้อัยการพิเศษฝ่ายคดีปราบปรามการทุจริต 1ภาค 6 สั่งฟ้องคดี พร้อมแจ้งให้ด.ต.ประกอบ แต่ไม่สามารถคิดต่อได้ จึงได้ขออำนาจศาลออกหมาจับไว้ กระทั่งเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมสืบทราบว่าด.ต.ประกอบ อยู่ทราบริเวณดังกล่าว จึงนำกำลังจับกุมได้ดังกล่าว เบื้องต้นให้การภาคเสธ นำตัวส่งอัยการพิเศษฝ่ายคดีปราบปรามการทุจริต 1ภาค 6 ดำเนินการต่อไป










