นนทบุรี 2 คนร้ายขี่รถประกบ กระชากทองหนัก 10 บาทแม่ค้าขายจิ้มจุ่มทองไม่ขาดต้องใช้กำลังถอดเอาจากที่คอ (มีกล้องวงจรปิดเห็นคนร้าย)
เมื่อเวลา 17.00 น วันที่ 29 กรกฎาคม 66 ร้อยตำรวจโทปรัญช ์พิชัย รองสารวัตรสอบสวน สภ.รัตนาธิเบศร์ รับแจ้งเหตุชิงทองกลางซอยติวานนท์ 24 ต.บางกระสอ อ.เมืองจ.นนทบุรี จึงพร้อมด้วย
พันตำรวจเอกธนเมศร์วิจิตรจริยาผู้กำกับ สภ.รัตนาธิเบศร์ พันตำรวจตรีบรรจบ ราชกิจ สว.สส พร้อมกำลังชุดสืบสวน และสายตรวจรีบรุดไปยังจุดเกิดเหตุ
บริเวณกลางซอยดังกล่าวพบเพียงชาวบ้านจำนวนมากจับกลุ่มวิพากษ์วิจารณ์ โดยมีพยานที่เห็นเหตุการณ์คือนายมณฑล เครื่องพันธ์ อายุ 52 ปี เปิดเผยกับเจ้าหน้าที่ตำรวจว่า ตนมาหาพี่ชายที่ร้านทำเบาะ ขณะเกิดเหตุ พบผู้เสียหายเป็นหญิงขี่มอเตอร์ไซค์มาแล้วล้มหน้าร้านได้รับบาดเจ็บ จึงรีบวิ่งออกมาจากร้านเพื่อช่วยเหลือ และทราบว่าถูกคนร้ายกระชากทองน้ำหนัก 10 บาทแต่ไม่ขาด คนร้ายทั้งสองคนจึงใช้กำลังปลุกปล้ำถอดสร้อยจากคอของผู้เสียหาย ก่อนขี่หลบหนีออกไปหน้าปากซอย โดยผู้เสียหายได้รับบาดเจ็บที่บริเวณใบหน้า มีพลเมืองดีนำส่งโรงพยาบาลพระนั่งเกล้า
นางสาวพัสตราภรณ์มูลสิติ อายุ 34 ปี เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวด้วยเสียอันตื่นเต้นว่า คุณแม่ของตนเองคือนางบุปผา หรือจิต เวียงสีมา อายุ 55 ปีเจ้าของร้าน “เจ๊จิต จิ้มจุ่ม” ขะณะเกิดเหตุได้ขี่จยยยี่ห้อ Honda Wave สีดำ หมายเลขทะเบียน 1กก-1976 นนทบุรี ออกไปจ่ายตลาด ซื้อของเพื่อมาเปิดร้าน ระหว่างมาถึงจุดเกิดเหตุ ได้มีคนร้ายเป็นชาย 2 คน ใช่คนขี่ ใส่กางเกงขาสั้นเสื้อเชิ้ตแขนยาวสีเหลืองส่วนคนซ้อนท้ายใส่เสื้อคลุมสีดำกางเกงยีนส์ ขี่จยยเว็บสีดำไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน ขี่ตามประกบคุณแม่ของตนมาทางด้านหลัง ก่อนจะกระชากสร้อยคอทองคำหนัก 10 บาทที่คอของคุณแม่ แต่ไม่สามารถกระชากได้ ระหว่างนั้นรถของคุณแม่ล้มลง คนร้ายทั้งสองคนจึงเข้ามา และใช้กำลังถอดสร้อยคอ ที่สวมใส่อยู่ไปได้ ส่วนคุณแม่ของตนเองได้รับบาดเจ็บที่บริเวณใบหน้าขณะรถล้ม วันนี้ต้องปิดร้านทั้งๆที่ซื้อของมาเตรียมขายเต็มที่เพราะเป็นวันหยุด ไม่คิดว่าจะมาเจอเหตุการณ์แบบนี้ อยากให้เจ้าหน้าที่ตำรวจช่วยติดตามจับคนร้ายมาให้ด้วย”
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนไล่ตรวจสอบกล้องวงจรปิดบริเวณเซเว่นหน้าปากซอยพบคนร้ายทั้งสองคนหลังก่อเหตุได้ขี่จยย.หลบหนีออกมาทางถนนติวานนท์มุ่งหน้าแคราย ชุดสืบสวนอยู่ระหว่าง เก็บร่องรอยหลักฐานรายละเอียด จากพยานที่เห็นเหตุการณ์ เพื่อเป็นแนวทางในการติดตามตัวคนร้ายทั้งสองคน มาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
