หลังผลโหวตนายกฯ ชาวปราจีนฯเตรียมขึ้นป้ายต้านการโหวตตามถนน-สะพาน-สี่แยกที่ค้านเสียงประชาชน
เมื่อเวลา 06.40 น.วันนี้ 14 ก.ค.66 ผู้สื่อข่าว จ.ปราจีนบุรีรายงานว่า หลังจากเสร็จสิ้น การโหวต เพื่อเลือกนายกรัฐมนตรีในรอบแรก (วันที่ 13 กรกฎาคม 2566 ) นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ได้คะแนน 324 เสียง ไม่ถึง 375 เสียง (จากเดิม 376 เสียง แต่ ส.ว. ลาออก 1 คน) ทำให้ไม่ผ่านการโหวตเลือกเป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 30 ของประเทศไทยในรอบแรก และ นัดประชุมสภาอีกครั้งวันที่ 19 ก.ค.นี้ นั้น
บรรยากาศที่ จ.ปราจีนบุรี พบพี่น้องประชาชนมีทั้งยอมรับและ คัดค้าน อาทิ นายเฉลิม เกียรติบรรจง แกนนำ นปช.ปราจีนบุรี และ อดีตผู้สมัคร สส. ปราจีนบุรี กล่าวว่า หลังติดตามผลการโหวตเลือกนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ เพื่อนายกรัฐมนตรีคนที่ 30 รอบแรก นั้น ในฐานะที่เป็นคนการเมือง คนทั้งประเทศไม่พอใจ ในสิ่งผลการโหวตนี้ เพราะผลการเลือกตั้ง สส.พรรคก้าวไกล คือสิ่งที่ประชาชนเขาตัดสินใจ เขาเลือกเข้าไป องค์อิสระ ต่าง ๆ ไม่ว่า กกต. ศาลรัฐธรรมนูญ ไม่ใช่ศาลที่จะมีอำนาจมาตัดสินใจเรื่องเหล่านี้ได้อย่างไร กระบวนการยุติธรรม ว่า นายพิธาผิด เรื่อง คุณสมบัติการเลือกตั้งต่าง ๆ ศาลยังไม่ตัดสิน แต่ เอามาว่ากล่าวกัน ยังไม่พิสูจน์ การโหวตออกมาอย่างนี้ มั่นใจว่าคนปราจีนบุรีไม่เห็นด้วย
ในฐานะคนไทย จะได้มีการแสดงสัญลักษณ์ในเชิง ที่ไม่เห็นด้วยในการโหวตนี้ ส่วนหนึ่งถึงแม้ ตนไม่ใช่คนของพรรคก้าวไกล แต่ในฐานะคนไทยคนหนึ่ง เห็นว่าข้าราชการการเมือง รังแกประชาชน ที่ไม่มีทางสู้ อยากเจอ สว.ปากเก่ง ๆ ตัวต่อตัว เพราะ เป็นคนเสียภาษีคนหนึ่ง จะแสดงออกพลัง อาทิ ติดป้ายรณรงค์ไม่ยอมรับผลการโหวต หรือ รวมกลุ่มของพี่น้อง ที่ไม่เห็นด้วย ร่วมกันแสดงออกต่อไป นายเฉลิม กล่าวในที่สุด
ด้านนายกันพิเชษฐ์ หรืออดุลย์ มลิเกตุ อายุ 61 ปี นักแต่งเพลงชาวอำเภอประจันตคาม และ อดีต ผู้บริหารสถานศึกษาใน จ.ปราจีนบุรี กล่าวว่า ผลการโหวตเลือกนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ เพื่อนายกรัฐมนตรีคนที่ 30 รอบแรก นั้น รู้สึกผิดหวังกับ สว.ที่สวนมติของประชาชนส่วนใหญ่ ที่เลือกพรรคการเมืองมา
ถึงแม้ว่าครั้งนี้จะไม่ผ่าน ยังมีอีกครั้งต่อไป โดยเฉพาะในวันที่ 19 ก.ค.66 ที่ทาง นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ และ ทางทีมงานพรรคก้าวไกล จะต้องไปเจรจา กับ สว.250 คน ที่ขณะนี้ ที่โหวตงดออกเสียง 159 คน ที่ยังมีโอกาสในครั้งต่อไป ด้วยเหตุผล
ทีมงานพรรคก้าวไกล ลดทิฐิ ลงต้องเจราจรด้วยเหตุผล ด้วยประการใดก็ตาม อาทิ ให้แก้ มาตรา 112 เพื่อให้โหวตเลือกนายพิธา ในครั้งต่อไป นายกันพิเชษฐ์ หรืออดุลย์ กล่าว
ในขณะที่ตามร้านค้าต่าง ๆ ที่มีการชมการนำเสนอผลการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีในรอบแรกผ่านทางสถานีวิทยุโทรทัศน์ พบว่าประชาชนส่วนใหญ่ ยอมรับกับมติ ผลการโหวตในรอบแรกนี้ โดยคิดเห็นแนวเดียวกันว่า จะต้องรอผลการโหวตในรอบต่อไปอีก ที่ทางฝ่ายวิปรัฐบาล หรือทีมงานของนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ต้องเข้าไปทำความเข้าใจกับทางฝ่าย สว.ที่งดออกเสียง และแก้ไขในปมที่ติดขัด คือมาตรา 112
และจากที่ ผลในการโหวตครั้งนี้ ที่มีสมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) ที่โหวตเห็นชอบ ให้นายพิธาเป็นนายกรัฐมนตรี ประกอบด้วยศาสตราจารย์เกียรติคุณไกรสิทธิ์ ตันติศิรินทร์ พันตำรวจเอกจรุงวิทย์ ภุมมา นายเฉลา พวงมาลา นายซากีย์ พิทักษ์คุมพล พลตำรวจโทณัฏฐ์วัฒก์ รอดบางยาง นายพิศาล มาณวพัฒน์ นายพีระศักดิ์ พอจิต นายมณเฑียร บุญตัน นายวันชัย สอนศิริ นายวุฒิพันธุ์ วิชัยรัตน์ นายสุรเดช จิรัฐิติเจริญ นายอำพล จินดาวัฒนะ และ นางประภาศรี สุฉันทบุตร นั้นโดยทาง นายสุรเดช จิรัฐิติเจริญ เลขานุการคณะกรรมาธิการ กมธ. การเทคโนโลยีสารสนเทศ การสื่อสาร และการโทรคมนาคม วุฒิสภา , กรรมาธิการ กมธ. การคมนาคม วุฒิสภา (สว.) นั้น เป็น สว.จ .ปราจีนบุรีชาวอำเภอประจันตคาม จ.ปราจีนบุรี คนปราจีนบุรีต่างชื่นชมในการทำหน้าที่อย่างอิสระครั้งนี้
สำหรับ นายสุรเดช จิรัฐิติเจริญ เป็น สว.จ .ปราจีนบุรีชาวอำเภอประจันตคาม จ.ปราจีนบุรี วัน เดือน ปีเกิด ของนายสุรเดช วันที่ 25 ตุลาคม 2506 คุณวุฒิ วิศวกรรมศาสตรบัณฑิต วิศวกรรมโยธา สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรีนิติศาสตรบัณฑิต นิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหงศิลปศาสตรมหาบัณฑิต รัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหงบริหารธุรกิจมหาบัณฑิต บริหารธุรกิจ มหาวิทยาลัยรามคำแหงปรัชญาดุษฎีบัณฑิต สื่อสารการเมือง มหาวิทยาลัยเกริก
ประสบการณ์สมาชิกองค์การบริหารส่วนจังหวัดปราจีนบุรี(ส.อบจ.) ปี 2539-2550 , รองเลขานุการคณะกรรมาธิการวิสามัญกิจการวุฒิสภา ปีสมาชิกวุฒิสภา ปี 2551-2557
::
