ผบ.ตร.ยืนยัน เตรียมแจ้งข้อกล่าวหาผู้บริหารดิไอคอน กรุ๊ป ก่อนสิ้นเดือนนี้ ผบ.ตร.ยืนยัน แจ้งข้อกล่าวหาผู้บริหาร ดิไอคอน กรุ๊ป ได้ก่อนสิ้นเดือนนี้ ย้ำ ผู้ต้องหาอยากฟ้องกลับก็ฟ้องตนได้เลย พลตำรวจเอกกิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ , พลตำรวจโทอัคราเดช พิมลศรี ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และ พลตำรวจโทจิรภพ ภูริเดช ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง แถลงความคืบหน้าคดีดิไอคอน กรุ๊ป ว่า วันนี้มาติดตามความคืบหน้าคดีไอคอน กรุ๊ป ซึ่งมีความคืบหน้าเป็นไปอย่างมาก ตอนนี้อยู่ในระหว่างที่พนักงานสอบสวนกำลังรวบรวมพยานหลักฐาน และเชื่อว่าผู้ถูกกล่าวหามีการกระทำความผิดเกิดขึ้นจริง ส่วนการจะออกหมายจับผู้ถูกล่าวหาทั้งหมดหรือไม่นั้น พนักงานสอบสวนต้องมีความรอบคอบและรัดกุมในการทำสำนวน ซึ่งจากที่เห็นผู้ถูกกล่าวหาได้เดินทางมาแสดงตนกับพนักงานสอบสวนเพื่อแสดงความบริสุทธิ์นั่น มันเป็นสิทธิ์ของผู้ถูกกล่าวหา การจะเข้าสู่ขบวนการออกขอหมายจับนั้นเป็นเรื่องของอนาคตอยู่ในระหว่างพิจารณา จากที่ดูหลักฐานเช้าว่า เข้าข่ายความผิด ตลาดขายตรง , พ.ร.บ.คุ้มครองผู้บริโภค, พ.ร.ก.กู้ยืมเงินฯ และ ฉ้อโกงประชาชน ข้อหาเกิดจากการสอบสวนที่สืบทราบมาได้ ต้องให้เวลากับพนักงานสอบสวนในการรวบรวมพยานหลักฐานให้แน่นหนา ก่อนพิจารณาความผิดกับผู้ถูกกล่าวหา ส่วนความคืบหน้าในการสอบปากคำผู้เสียหายตั้งแต่วันที่ 10 ตุลาคม ที่ผ่านมา ได้สอบปากคำไปทั้งหมดมากกว่า 900 คน จากที่ผู้เสียหายได้ลงทะเบียนเกือบ 1,100 คน มูลค่าความเสียหาย 400 ล้านบาท ซึ่งหลังจากเกิดเรื่องขึ้นทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติได้ทำหนังสือไปให้ทาง ปปง.ดำเนินการตรวจสอบเส้นทางการเงิน เนื่องจากมีผู้เสียหายร้องเรียนเป็นจำนวนมากและมูลค่าความเสียหายหลายล้านบาท เกรงว่าจะมีการถ่ายโอนทรัพย์สินไปยังบุคคลอื่น จึงรีบดำเนินการตรวจสอบเส้นทางการเงิน ซึ่งเรื่องดังกล่าวจะเข้าในที่ประชุมคณะกรรมการธุรกรรมในวันที่ 17 ต.ค. ที่จะถึงนี้ ส่วนการพิจารณาให้เป็นคดีพิเศษหรือไม่นั้น ตามกฎหมายได้กำหนดไว้อยู่แล้ว ซึ่งตอนนี้อยู่ในการพิจารณาว่าเข้าข่ายเป็นคดีพิเศษหรือไม่ ส่วนกรณีที่มีทางสถานีตำรวจ หรือ ตำรวจภูธรบางที่ที่ไม่รับแจ้งความนั้น ทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติได้มีหนังสือสั่งการเวียนชี้แจงทั้วประเทศไปแล้วถึง 2 ครั้ง ให้ทางสถานีตำรวจนครบาลและตำรวจภูธรในพื้นที่ทั้งหมด รับแจ้งความในคดี บริษัทดิไอคอน กรุ๊ป จึงอยากฝากเตือนไปยังผู้ใต้บังคับบัญชาให้ปฏิบัติตามคำสั่ง หากเกรงว่าไม่ทราบประเด็นในการสอบปากคำทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติก็จะส่งประเด็นคำถามให้กับพนักงานสอบสวนโดยตรง เพื่อเป็นการอำนวยความสะดวกในการเดินทางเข้าแจ้งความให้กับพี่น้องประชาชนและผู้เสียหายในคดี ไม่ให้เกิดการเสียเวลาเดินทางมายังกองบังคับการปราบปราม ส่วนกรณีที่มีกระแสข่าวว่ามีนักการเมืองเข้ามาเกี่ยวข้องนั้น ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจไม่สามารถเปิดเผยได้ เนื่องจากอาจมีผลกระทบต่อคดี แต่ก็ขอให้ไว้ใจเจ้าหน้าที่ตำรวจในการดำเนินการว่า จะเอาผิดกับทุกคนที่เกี่ยวข้องไม่เว้นแม้แต่คนเดียว หากผลการสอบสวนและหลักฐานเพรียกพร้อมในการดำเนินคดีกับบุคคลเหล่านี้ รวมไปถึงธุรกิจที่มีการเข้าข่ายขายตรงหรือแชร์ลูกโซ่ ส่วนกรณีที่ทางผู้ถูกกล่าวหามีการชิงชดใช้ค่าเสียหายให้กับผู้เสียหายก่อนนั้น คิดว่าไม่มีผลกระทบต่อรูปคดีที่เกิดขึ้นมาแล้ว และเป็นสิทธิ์ของผู้ถูกกล่าวหาที่จะสามารถกระทำได้ แต่คดีปรากฏชัดเจนไม่สามารถยอมความได้ ก็จะต้องดำเนินไปตามขั้นตอนกฎหมายตามป.วิอาญา พล.ต.อ.กกิตติ์รัฐ กล่าวอีกว่า ตอนนี้การให้ข้อมูลความคืบหน้าคดีดิไอคอน กรุ๊ป ทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติได้มอบหมายให้ พล.ต.ต.โสภณ สารพัฒน์ รอง ผบช.ก. เป็นผู้ดำเนินการให้ข้อมูลกับสื่อมวลชนและประชาชนที่กำลังติดตามข่าวสาร และขอยืนยันว่า ภายในเดือนนี้จะสามารถออกหมายจับกับผู้กระทำความผิดได้ ผู้สื่อข่าวถามว่า หากสุดท้ายคดีดังกล่าวไปถึงที่สุดแล้ว ผู้ถูกกล่าวหาไม่ผิดอย่างที่คิดและมีการถูกฟ้องกลับมีความกังวลหรือไม่ พล.ต.อ.กกิตติ์รัฐผบ.ตร. ตอบว่า หากไปถึงขั้นนั้น ผู้ต้องหาจะฟ้องกลับให้ฟ้องตนคนเดียวในฐานะผู้บังคับบัญชาสูงสุด เพราะตนเป็นผู้สั่งการ ดังนั้นตนต้องรับผิดชอบกับเรื่องที่เกิดขึ้น ทั้งนี้ ขอเตือนไปยังผู้ใต้บังคับบัญชาที่เข้าไปเกี่ยวข้องกับคดีดังกล่าว ไม่ว่าใครก็จะต้องถูกดำเนินคดีด้วยเช่นกัน ขอยืนยันว่าไม่กลัวผู้มีอิทธิพลที่อยู่เบื้องหลังอย่างแน่นอน. //////////










