ช่วยเหลือเหยื่อแก๊งคอลเซ็นเตอร์
เมื่อเวลา16.00น.วันที่15 ส.ค.ที่ บก.น.9 นายยุทธนา (ขอสงวนนามสกุล) อายุ58 ปี และนางวิมล
(ขอสงวนนามสกุล)ภรรยา ได้นำกระเช้าดอกไม้มามอบให้กับพล.ต.ต.ประสงค์ อานมณี ผบก.น.9 และพ.ต.อ.ฐิติพงษ์ สียา ผกก.สส.บกน.9 และพ.ต.อ.กฤติเดช จันทร์ เพชร ผกก.สน.บางขุนเทียน
พ.ต.อ.วิชิต ถิรขจรวงศ์ ผกก.สส1บก.สส.บช.น. กรณีช่วยเหลือนายวรัชญ์ หรือ โบอิ้ง (ขอสงวนนามสกุล)อายุ23 ปี บุตรชายที่ถูกแก๊งคอลเซ็นเตอร์หลอกไปเรียกค่าไถ่ที่ประเทศกัมพูชากลับมาได้อย่างปลอดภัย
คดีนี้สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 26 ก.ค.เวลา 17.06 น.นายยุทธนา
(ขอสงวนนามสกุล)อายุ58 ปี ได้เข้าแจ้งความกับ พ.ต.ท.กรวิก สุปะทัด สว.(สอบสวน)สน.บางขุนเทียน ว่าบุตรชายคือนายวรัชญ์ หรือ โบอิ้ง อายุ23 ปี บุตรชายได้ไปเรียนที่ประเทศจีนเป็นเวลานานแล้วจนกระทั่งจบปริญญาตรี และกำลังเรียนต่อเพิ่มเติมด้านภาษา ที่เพิ่งเดินทางกลับจากจีนช่วงปิดเทอมเมื่อต้นเดือนก.ค.ได้หายออกไปจากบ้านเลขที่864 ซอยเอกชัย46 แขวงคลองบางพราน เขตบางบอน กรุงเทพฯตั้งแต่ช่วงบ่ายของวันที่25 ก.ค.โดยได้ขับรถเก๋งเบนซ์ ซี300 สีดำ ทะเบียน 6กล 6991 กรุงเทพมหานคร ของนายยุทธนาออกไปด้วย ซึ่งนางวิมลได้รับโทรศัพท์จากบุตรชายช่วงบ่ายวันที่25 ก.ค.ว่าขอเลื่อนเวลาทานข้าวเย็นออกไป จากนั้นก็ไม่สามารถติดต่อบุตรชายได้อีกเลย ต่อมาเวลา12.30น.วันที่26 ก.ค.ได้มีเบอร์โทรศัพท์จากต่างประเทศเข้ามาหานางวิมล แจ้งว่าเป็นตัวกลางให้มาทำการเก็บเงินเป็นจำนวน5ล้านบาท เนื่องจากบุตรชายไปทำการก่อหนี้สินทิ้งเอาไว้ พยายามติดต่อบุตรชายหลายครั้งก็ไม่สามารถติดต่อได้ คาดว่าบุตรชายจะถูกผู้ไม่หวังดีลักพาตัวไปเรียกค่าไถ่ จึงมาแจ้งความให้ตำรวจช่วยติดตามบุตรชาย
หลังจากทราบเรื่องพล.ต.ต.ประสงค์ อานมณี ผบก.น.9 ได้สั่งการให้พ.ต.อ.ฐิติพงษ์ สียา ผกก.สส.บก.น.9 พ.ต.อ.กฤติเดช จันทร์เพชร ผกก.สน.บางขุนเทียน พ.ต.ท.ขจร ธูปประกายศรี สว.สส.สน.บางขุนเทียน พ.ต.ต.ชยกร คำมิ่งเดชาโชติ สว.กก.สส.บก.น.9 และชุดสืบสวนจากบก.สส.บชน.ได้ร่วมกันสืบหาตัวนายวรัชญ์อย่างเร่งด่วนจนกระทั่งทราบว่า ช่วงบ่ายวันที่22ก.ค.ได้มียอดเงินลึกลับจำนวน86,000บาท โอนเข้าบัญชีนายวรัชญ์ จากนั้นนายวรัชญ์ได้โอนเงินต่อไปยังบัญชีของน.ส.กอลีมะ คาดว่าเป็นบัญชีม้า จำนวน100,510.96บาทจนหมดบัญชี และนายวรัชญ์ยังแชทไลน์คุยกับเพื่อนสนิทด้วยว่า “กูคุยอยู่กับตำรวจมีเรื่อง” คาดว่าจะเป็นแก๊งคอลเซ็นเตอร์ จากการตรวจสอบเส้นทางการขับรถพบว่า เมื่อวันที่25 ก.ค.นายวรัชญ์ ได้ขับรถเบนซ์ไปยังห้างเซ็นทรัลพระราม2 เพื่อซื้อโทรศัพท์พร้อมซิมการ์ดใหม่ จากนั้นได้ขับรถไปจอดทิ้งไว้ที่ช่องจอดรถของตลาดเดอะมิลล์ ต.ประชาธิปัตย์ อ.ธัญญบุรี จ.ปทุมธานี ตรวจสอบในช่องเก็บของหน้ารถพบโทรศัพท์มือถือไอโฟน 1 เครื่อง และซิมกล้องหน้ารถถูกถอดไปด้วย จากนั้นนายวรัชญ์ ได้เหมารถแท็กซี่ไปยังด่านพรมแดนบ้านคลองลึก จ.สระแก้ว แล้วข้ามไปเปิดโรงแรมนอนที่ฝั่งกัมพูชาช่วงกลางดึก และย้ายไปนอนอีกโรงแรมที่อยู่ใกล้กันในวันที่26 ก.ค.ขณะเดียวกันวันที่27 ก.ค.คนร้ายได้โทรศัพท์หานายยุทธนาและนางวิมล พ่อและแม่นายวรัชญ์ ให้โอนเงินจำนวน49,999บาท เข้าบัญชีนายชาญชัย บริบรณ์ คาดว่าเป็นบัญชีม้า หากไม่โอนจะไม่รับรองความปลอดภัยของบุตรชาย ทั้งคู่จึงดอนเงินไปตามคำเรียกร้อง จนกระทั่งวันที่28 ก.ค.เจ้าหน้าที่ตำรวจของ สถานีตำรวจปอยเปต ประทศกัมพูชา ได้ควบคุมตัวนายวรัชญ์ได้ที่ล็อบบี้โรงแรมที่2 ที่นายวรัชญ์ย้ายไปพัก จากนั้นนำตัวไปสอบสวนที่สนานีตำรวจปอยเปต แล้วส่งตัวต่อไปที่สถานที่กักตัวคนร้ายข้ามชาติที่กรุงพนมเปญ เพื่อรอสอบสวนตามกระบวนการทางกฎหมายของกัมพูชาจนถึงวันที่11ส.ค. จนกระทั่งพ.ต.อ.ปิยวัฒน์ เกียรติก้อง ผู้ช่วยทูตตำรวจประจำประเทศกัมพูชา ได้รับการประสานจากชุดสืบสวนกก.สส.บก.น.9 ช่วยเหลือนำตัวกลับประเทศไทยได้อย่างปลอดภัยตั้งแต่เมื่อวันที่11 ส.ค.ที่ผ่านมา
จากการสอบสวนนายวรัชญ์ ให้การว่า ตนเพิ่งเดินทางกลับมาจากจีนเมื่อต้นเดือนก.ค.ได้เพียง3-4วัน ได้รับโทรศัพท์จากชายลึกลับอ้างว่าเป็นพนักงานไปรษณีย์จ.ภูเก็ต บอกว่าตรวจสอบเจอสิ่งของผิดกฎหมายร้ายแรงในกล่องพัสดุ ในกล่องมีหน้าพาสปอร์ตกว่า10เล่ม หนึ่งในนั้นมีของตน แถมยังมีสมุดบัญชีชื่อตนมียอดเงินหมุนเวียนหลายล้าน โดยชายที่อ้างว่าเป็นพนักงานขนส่งพัสดุ ส่งโทรศัพท์ให้ชายที่อ้างตัวเป็นตำรวจคุย แถมแอดไลน์วีดีโอคอลคุยกัน ตนหลงเชื่อเพราะมีหน้าพาสปอร์ตและสมุดบัญชีธนาคารของตนจริง โดยตำรวจบอกว่าเรียกค่าเคลียร์คดี5ล้านบาท โดยทำตามขั้นตอนที่คนร้ายบอกทุกอย่าง จนเดินทางออกไปยังประเทศกัมพูชา แต่ก็ยังไม่เจอตัวแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ไม่มีใครมาคุมตัว โชคดีที่เจอตำรวจกัมพูชาเสียก่อน ซึ่งในที่คุมขังที่พนมเปญยังมีนักศึกษาต่างชาติอีกหลายคนที่ถูกหลอกแบบตน ตนใช้ชีวิตอยู่ประเทศไทยน้อยมาก จึงไม่รู้ว่ามีแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ที่จีนไม่มีแบบนี้เพราะฎหมายรุนแรงมาก หากจับแก๊งพวกนี้ได้อาจถูกประหารชีวิต










